48ศึกษากับบทวิเคราะห์ the series: Post-Miyawaki Sakura age - ใครคือเดอะแบกของ HKT48 คนต่อไป?
เนื้อหาบทความเรื่อง สมมติฐานถ่ายโอนคะแนนโหวตของแฟนคลับ - ความจริงมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น? ได้รับไอเดียจาก Tor Nantawat ผู้เขียนต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
นี่คือ 1 ใน 7 บทความที่น่าสนใจสำหรับ "48ศึกษากับบทวิเคราะห์ the series" โดยเป็นบทความลำดับที่ 3
เมื่อ Miyawaki Sakura (宮脇咲良) ได้ประกาศผ่าน HKT48 mail ว่าจะลงเลือกตั้งปีนี้ (การเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10) เป็นปีสุดท้าย และจะไม่ลงสมัครเลือกตั้งอีกต่อไป แน่นอนว่ามีหลายคนเชื่อว่าเธอจะจบการศึกษาออกไป แต่ต่อมา Miyawaki Sakura ให้เหตุผลว่า การลงเลือกตั้งของเธอนั้น คือการทดสอบเพื่อเอาชนะผู้มากบารมีในวงอย่าง Sashihara Rino (指原 莉乃) ให้ได้ เมื่อไม่มีเมมเบอร์คนนั้นให้ข้าม ก็ไม่รู้ว่าจะลงเลือกตั้งเพื่ออะไร
และนี่คือบทสรุปที่การเลือกตั้งในครั้งต่อไป อาจจะไม่ได้เห็น Miyawaki Sakura ลงเลือกตั้ง แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นในบทวิเคราะห์ เพราะในบทวิเคราะห์นี้ จะอธิบายว่าใครคือคนที่จะเป็นหัวหอกคนต่อไปของ HKT48 แทนที่ Sashihara Rino ที่เป็นผู้มากบารมีในวง และ Miyawaki Sakura ที่จะไม่ลงเลือกตั้งในอนาคตอีกด้วย
48ศึกษา จะอธิบายถึงตัวเลือกที่เป็นไปได้ว่า ใครคือเดอะแบกของวง และใครจะเข้ามาเป็นดาวรุ่งในอนาคตของวง
ด้วยความที่ Toyonaga Aki มีความเป็นพี่สาวกับเมมเบอร์ที่มีอายุน้อยกว่าในรุ่นเดียวกัน ดังนั้นจึงทำให้บทบาทของเธอต่อวงมีมากขึ้น นอกจากนี้ Toyonaga Aki ยังได้เป็นเซมบัตสึซิงเกิ้ลล่าสุด 2 ซิงเกิ้ลอย่าง Kiss wa Matsushikanai no Deshouka? (キスは待つしかないのでしょうか?) และ Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) ก็ยังเป็นการบ่งบอกว่า เธอถูกผลักดันมากขึ้นในช่วงไม่นานมานี้
Matsuoka Hana เป็นเมมเบอร์ที่แม้แต่ Sashihara Rino เองยังยอมว่าเป็นคนที่ friendly ซึ่งลักษณะดังกล่าว จึงทำให้ความเป็นไอดอลของเธอโดดเด่นขึ้นมามาก และยังเป็นเซนเตอร์ของเซมบัตสึซิงเกิ้ล HKT48 ถึง 2 ซิงเกิ้ล นั่นคือ Saikou ka yo (最高かよ) และ Kiss wa Matsushikanai no Deshouka? (キスは待つしかないのでしょうか?)
นอกจากนี้ Matsuoka Hana ได้รับโอกาสให้เป็นเซมบัตสึซิงเกิ้ล AKB48 มาโดยตลอด จากการจัดตัวของสตาฟ (ซึ่งไม่นับซิงเกิ้ลหลังผลการเลือกตั้งนั่นเอง) โดยเริ่มต้นตั้งแต่ High Tension (ハイテンション) นั่นจึงเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า เธอไม่ได้ถูกผลักดันโดยสตาฟของ HKT48 เท่านั้น แต่เธอยังถูกผลักดันโดยสตาฟของ AKB48 ที่เห็นในความสามารถด้านการเต้นของเธอนั่นเอง
ถ้าพิจารณาจากอันดับในการเลือกตั้งแล้ว คู่เมมเบอร์รุ่นที่ 3 "NakoMiku" ซึ่งประกอบด้วย Yabuki Nako และ Tanaka Miku น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องด้วยอายุที่ไม่มาก จึงทำให้เวลาในการสะสมบารมีของเธอยังเหลืออยู่อีกมาก และการที่ทั้งคู่อยู่ในอันดับที่สูง จึงช่วยให้แฟนคลับ HKT48 สามารถตั้งเป้าส่งแรงเทคะแนนเพื่อให้เป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม การหายไปของ Kodama Haruka ไม่ได้บ่งบอกว่าบารมีและรัศมีของ Kodama Haruka จะหายไปด้วย เพียงแต่รอวันที่เธอกลับมาเท่านั้น ในกรณีที่ Kodama Haruka กลับมาแข็งแรงและปรากฏตัวต่อแฟน ๆ ให้หายคิดถึงอีกครั้ง คู่หู "NakoMiku" อาจต้องเผชิญคู่แข่งภายใน HKT48 ในฐานะเดอะแบก เพราะผู้เขียนเชื่อว่าแรงสนับสนุนของแฟนคลับ Kodama Haruka ที่รอวันที่เธอกลับมาสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง จะเกิดแรงส่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งจนอาจถึงขั้นที่มีการพลิกเกมจบอันดับที่ 1 ได้
อีกความเป็นไปได้หนึ่งของเดอะแบกของ HKT48 คือ คู่หู "MioMeru" ได้แก่ Tomonaga Mio และ Tashima Meru ซึ่งอันดับของทั้งสองนั้นอยู่รองลงมาจากคู่หู "NakoMiku" ซึ่งพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาสู่การเป็นเซมบัตสึได้ในอนาคต เนื่องจากเป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 2 ที่อายุยังสามารถสะสมบารมีและลุยในศึกเลือกตั้งได้อีก 5-6 ปี
ส่วนเมมเบอร์คนอื่น ๆ ที่มีโอกาสที่ถูกเลือกให้เป็นเดอะแบกเช่นกัน ได้แก่ Oda Ayaka และ Matsuoka Hana โดยผู้เขียนมองว่าการเป็นเดอะแบกของกลุ่มรองลงมานั้น อาจใช้เวลา 2-3 ปีเพื่อก้าวเข้ามาในระดับที่สามารถมองเห็นได้ และพร้อมที่จะถูกผลักดันอย่างเต็มที่เช่นเดียวกับที่คู่หู "NakoMiku" กำลังได้รับในปัจจุบัน
จากการเลือกตั้งในปีถัดไป HKT48 อาจมีเดอะแบกคนใหม่ที่พร้อมจะลุยเพื่อทวงเก้าอี้ราชินีแห่ง AKB48Group เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของ Sashihara Rino ที่จะให้อันดับ 1 เคียงคู่กับ HKT48 ตลอดไป
นี่คือ 1 ใน 7 บทความที่น่าสนใจสำหรับ "48ศึกษากับบทวิเคราะห์ the series" โดยเป็นบทความลำดับที่ 3
เมื่อ Miyawaki Sakura (宮脇咲良) ได้ประกาศผ่าน HKT48 mail ว่าจะลงเลือกตั้งปีนี้ (การเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10) เป็นปีสุดท้าย และจะไม่ลงสมัครเลือกตั้งอีกต่อไป แน่นอนว่ามีหลายคนเชื่อว่าเธอจะจบการศึกษาออกไป แต่ต่อมา Miyawaki Sakura ให้เหตุผลว่า การลงเลือกตั้งของเธอนั้น คือการทดสอบเพื่อเอาชนะผู้มากบารมีในวงอย่าง Sashihara Rino (指原 莉乃) ให้ได้ เมื่อไม่มีเมมเบอร์คนนั้นให้ข้าม ก็ไม่รู้ว่าจะลงเลือกตั้งเพื่ออะไร
และนี่คือบทสรุปที่การเลือกตั้งในครั้งต่อไป อาจจะไม่ได้เห็น Miyawaki Sakura ลงเลือกตั้ง แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นในบทวิเคราะห์ เพราะในบทวิเคราะห์นี้ จะอธิบายว่าใครคือคนที่จะเป็นหัวหอกคนต่อไปของ HKT48 แทนที่ Sashihara Rino ที่เป็นผู้มากบารมีในวง และ Miyawaki Sakura ที่จะไม่ลงเลือกตั้งในอนาคตอีกด้วย
48ศึกษา จะอธิบายถึงตัวเลือกที่เป็นไปได้ว่า ใครคือเดอะแบกของวง และใครจะเข้ามาเป็นดาวรุ่งในอนาคตของวง
HKT48 กับจุดเริ่มต้นของวงบนเกาะ Kyushu
เมื่อแรกก่อตั้ง HKT48
หากจะดูถึงระบบของ HKT48 แล้ว ก็ต้องดูตั้งแต่การก่อตั้ง HKT48 ขึ้นมาว่ามีที่มาและมีระบบเป็นอย่างไร
HKT48 ได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ซึ่งเป็นวันที่มีการประกาศเมมเบอร์รุ่นที่ 1 ของวง โดยเมมเบอร์รุ่นแรก 21 คนนั้นส่วนใหญ่เป็นเพียงเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น (อายุประมาณ 13-15 ปี) และมีช่วงอายุของเมมเบอร์ในตอนประกาศคือ 11-17 ปี จากนั้นทีม H ก็เกิดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2012
เมมเบอร์รุ่นที่ 1 ของ HKT48 ในวันที่ประกาศเมมเบอร์รุ่นแรก (http://akb-news-pv.seesaa.net/index-4.html) |
เนื่องจาก HKT48 ในตอนแรกเริ่ม มีเมมเบอร์ส่วนใหญ่เป็นเด็ก จึงทำให้วงนี้ขาดเมมเบอร์ผู้ใหญ่ที่คอยแนะนำและดูแลชีวิตไอดอล ดังนั้นสภาพในระยะแรกจึงเหมือนกับการแสดงของไอดอลเด็กที่น่ารัก ไร้เดียงสา ซึ่งอาจดูเป็นที่ชื่นชอบหรือน่าสนใจ แต่ก็อาจมีปัญหาในการพูดหรือการแสดงออกในบางครั้ง (จากความเป็นเด็กของพวกเธอเอง) ดังนั้นจึงทำให้ต้องมีเมมเบอร์ผู้ใหญ่ที่สามารถชี้นำและดูแลพวกเธอได้
และในจังหวะนั้น Sashihara Rino ก็ถูกครหาถึงเรื่องอื้อฉาวในช่วงกลางปี ค.ศ. 2012 ทำให้เธอถูกย้ายออก เพื่อเป็นเมมเบอร์ HKT48 ที่ต้องการเมมเบอร์ผู้ใหญ่ในเวลานั้นพอดี นั่นจึงเป็นจังหวะที่เหมาะพอดีกับ Sashihara Rino ในการแสดงความสามารถของเธอเอง
ก่อนที่ Sashihara Rino จะไป HKT48 เธอมีบทบาททางการแสดง, มีซิงเกิ้ลเดี่ยว, และเป็น producer จึงทำให้ Sashihara Rino มีความเป็นผู้นำ อีกทั้ง HKT48 ที่มีเมมเบอร์อายุน้อยกว่าเธออีกด้วย ก็ยิ่งทำให้เธอสร้างบารมีใน HKT48 ได้อย่างรวดเร็ว
การมาของ Sashihara Rino ไม่ได้เพียงแค่สะสมบารมีและปั้นรุ่นน้องทุกคนใน HKT48 (เพราะเธอแก่ที่สุดใน HKT48 จึงทำให้เธอมีพระเดชพระคุณแบบไม่อั้นใน HKT48 ชนิดที่เทียบไม่ได้) แต่ยังดูแลวงด้วยความตั้งใจที่อยากจะทำงานในส่วนของการเป็น producer
Sashihara Rino กับภาพ Photoset ของ HKT48 (https://www.suruga-ya.jp/product/detail/G6471654) |
วันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2013 Sashihara Rino ได้ควบตำแหน่งในฐานะผู้จัดการเธียเตอร์ร่วม ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนในเวลานั้น เนื่องด้วยความสามารถในการเป็น producer ของเธอ สิ่งนี้กำลังจะทำให้เธอกลายเป็นผู้มากบารมีของ HKT48 ในเวลาต่อมา
HKT48 จึงเป็นวงที่ใช้เมมเบอร์ส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่ เพื่อให้แฟนคลับมีเวลาในการติดตามเมมเบอร์มากขึ้น และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเมมเบอร์อย่างชัดเจน แฟนคลับที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น จึงเป็นฐานเสียงที่เหนียวแน่นอย่างยิ่งของเมมเบอร์ในเวลาต่อมา
HKT48 ใต้รัศมีของ Sashihara Rino
Sashihara Rino ไม่ได้เป็นเพียงแค่รุ่นพี่ของ HKT48 แต่ยังเป็น producer ในนามของ HKT48 ซึ่งสามารถสร้างบารมีให้ทั้งตนเองและ HKT48 ไปในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่ Sashihara Rino ควบตำแหน่งผู้จัดการเธียเตอร์ร่วมได้ไม่นาน ในการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2013 Sashihara Rino ก็สามารถโค่น Oshima Yuko (大島優子) และขึ้นเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ที่วงน้องสาวสามารถโค่นวงพี่สาวกลางงานเลือกตั้งของ AKB48Group แม้ว่าจะไม่ได้เริ่มต้นมาจาก HKT48 ก็ตาม แต่หากพิจารณาจากสังกัดวงในขณะนั้น เธอคือเมมเบอร์คนแรกในสังกัดวงน้องสาวที่สามารถทำได้
ด้วยบารมีที่เคยมีในสมัย AKB48 และการมีบทบาทในฐานะพี่ใหญ่ของ HKT48 จึงทำให้เธอ Sashihara Rino ก้าวเข้าสู่การเป็นมหาอำนาจของ AKB48Group เทียบเท่าคามิ 7 ในตำนานของ AKB48
แต่การเป็นมหาอำนาจใน AKB48Group นั้น สิ่งหนึ่งที่พึงทำเพื่อเป็นการพิสูจน์ คือการแสดงให้เห็นว่า Sashihara Rino สามารถทำในสิ่งที่เมมเบอร์คนอื่นไม่สามารถทำได้
เพลงของ AKB48 Group แทบทุกเพลงจะมีเนื้อร้องที่ถูกแต่งโดย Akimoto Yasushi (秋元 康) ผู้เป็น producer ใหญ่และเจ้าของ AKB48Group แต่เมื่อ Sashihara Rino ได้เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นใน HKT48 และ AKB48 Group สิ่งที่เธอพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอคือมหาอำนาจของ AKB48Group อย่างแท้จริง ก็คือการใช้ความสามารถของเธอเพื่อสร้างผลงาน
ในเวลานั้น Matsumura Kaori (松村香織) จาก SKE48 ได้รับการแต่งตั้งเป็น "Kenkyusei กิตติมศักดิ์ตลอดชีพ" (終身名誉研究生) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2014 และเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของเธอที่ยืนยันในการดำรงตำแหน่งนี้ ซิงเกิ้ลเดี่ยวของเธอจึงเกิดขึ้น
และเป็นช่วงเวลาเดียวกับการที่ Sashihara Rino กำลังจะพิสูจน์ในฐานะมหาอำนาจของ AKB48Group จึงทำให้ Sashihara Rino ได้เข้ามาทำงานในฐานะ producer ของซิงเกิ้ลที่ Matsumura Kaori แสดง โดยรับผิดชอบในเรื่องชุด (ที่งบประมาณมีจำจัดจนเกิดชุดที่ทำมาจากหนังสือพิมพ์ที่มีหน้าของ AKB48), การแต่งหน้า, และปกซิงเกิ้ล (ที่คล้ายกับซิงเกิ้ล Oogoe Diamond (大声ダイヤモンド))
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ซิงเกิ้ลนี้จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความเป็นมหาอำนาจ นั่นคือ ซิงเกิ้ล Matsumurabu (マツムラブ) ถูกเขียนเนื้อร้องโดย Sashihara Rino ในฐานะ producer
นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ Sashihara Rino ได้รับการยอมรับว่า บารมีของเธอนั้นสูงพอที่จะทำให้ Akimoto Yasushi ยอมให้ Sashihara Rino แต่งเพลงภายใน AKB48Group
แม้ว่านี่ไม่ใช่เพลงแรกที่ไม่ได้ถูกแต่งขึ้นโดย Akimoto Yasushi เนื่องจากเพลงแรก คือ Eien Yori Tsuzuki You ni (永遠より続くように) ซึ่งเนื้อร้องถูกแต่งขึ้นโดย Okada Hisaya (岡田寿也) สำหรับยูนิตพิเศษ OKL48 (Okalemon48) ที่เป็นซิงเกิ้ลรองของ Eien Pressure (永遠プレッシャー)
แต่โอกาสที่จะให้คนอื่นนอกเหนือจาก Akimoto Yasushi ได้รับโอกาสในการเขียนเพลงขึ้นมาขายในชื่อของ AKB48Group รับว่าน้อยมากถึงมากที่สุด และ Sashihara Rino ก็คือหนึ่งในนั้นที่ทำได้ (ส่วนคนที่ 3 ที่สามารถทำได้ ก็คือ Matsui Jurina (松井 珠理奈) กับเพลง Hana Uranai (花占い) สำหรับอัลบั้มที่ 2 ของ SKE48 ในปี ค.ศ.2017)
สำหรับเมมเบอร์ใน HKT48 เมมเบอร์รุ่นที่ 2 ของ HKT48 ถูกประกาศขึ้นในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2012 และตามด้วยการมาของเมมเบอร์รุ่นที่ 3 ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ซึ่งแน่นอนว่า เมมเบอร์ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเด็กเช่นเดียวกับเมมเบอร์รุ่นที่ 1 และยังคงเป็น Sashihara Rino ที่ยังมีอายุมากที่สุดใน HKT48 เพื่อรักษาทั้งพระเดชและคุณในวงให้มากที่สุด (อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อทำให้เมมเบอร์ทุกคนยอมเชื่อฟังตนและให้คำแนะนำกับทุกคนจากประสบการณ์ที่เป็น producer)
โดยเมมเบอร์รุ่นที่ 3 นั้นรับเพียง 9 คน ซึ่งต่างจากรุ่นที่ 2 ที่รับมากถึง 21 คน (เทียบเท่ากับรุ่นแรกที่เริ่มต้นด้วย 21 คนเช่นกัน)
และตามมาด้วยการเลือก Yamamoto Mao (山本茉央) ในฐานะเด็กดราฟท์เพียงคนเดียวของทีม H ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ในงานการเลือกคัดเลือกเด็กดราฟท์ครั้งที่ 1
และจากนั้น HKT48 ก็อยู่ในช่วงที่ Sashihara Rino มีบารมีสูงสุดภายในวง แต่เธอไม่ได้มาเพียงเพื่อมีบทบาทในวงอย่างเต็มที่เท่านั้น แต่สิ่งที่ Sashihara Rino ได้สร้างใน HKT48 คือการผลักดันเด็กใหม่ของ HKT48 ให้ค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น
แน่นอนว่าภายใต้บารมีของ Sashihara Rino ใน HKT48 แล้ว เมมเบอร์ทั้งหลายที่ยังมีอายุน้อย เป็นสิ่งที่ทำให้วงสามารถอยู่ได้อย่างยาวนานโดยแทบไม่จำเป็นต้องประกาศรับเมมเบอร์ใหม่เข้ามาทดแทน
ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2014 ทีม KIV ก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยที่มีการใช้เมมเบอร์เดิมของทีม H ครึ่งหนึ่งไปเป็นทีม KIV ใหม่ เพื่อเปิดที่ให้กับเมมเบอร์รุ่นใหม่เข้าทีม H และไม่ให้เมมเบอร์รุ่นใหม่มีความรู้สึกแตกต่างเมื่อถูกเลือกเข้าทีม KIV ใหม่อีกด้วย
สถานการณ์ของ HKT48 ก็ยังอยู่ในช่วงที่ Sashihara Rino ยังคงทรงอิทธิพลในวงตลอด ค.ศ. 2014 แม้ว่าเธอจะพลาดท่าแพ้ให้กับ Watanabe Mayu (渡辺麻友) ในการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 6 ในปี ค.ศ. 2014
ด้วยแรงผลักดันที่ Sashihara Rino ผลักดันเมมเบอร์รุ่นใหม่ที่เป็นสายเลือด HKT48 ในที่สุดในปี ค.ศ. 2015 ก็เกิดผล
หลังจากที่รับเพิ่มอีกเมมเบอร์ 3 คนในงานการเลือกคัดเลือกเด็กดราฟท์ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ก็เกิดการเลือกตั้งเซบบัตสึครั้งที่ 7 ขึ้นมา โดยในเวลานี้ Miyawaki Sakura ได้เข้าสู่อันดับที่ 7 ซึ่งเป็นตำแหน่งของคามิ 7 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก พร้อมกับการที่ Kodama Haruka (兒玉遥) เข้าสู่อันดับที่ 17 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของ Undergirls ก่อนเข้าอันดับของเซมบัตสึ
และแล้วในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2016 ทีม TII ก็ได้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายของ HKT48 ที่ก่อตั้ง และทั้ง 3 ทีมก็เสร็จสมบูรณ์ในช่วงที่ Sashihara Rino ยังคงอยู่ใน HKT48 ซึ่งพัฒนาการของ HKT48 ก็ชัดเจนว่าเป็นทีมที่เน้นเมมเบอร์อายุน้อย ๆ เพื่อรอคอยผลการเป็นไอดอลในระยะยาวและเหนียวแน่น หากได้รับการผลักดันที่ดี
วันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 เมมเบอร์รุ่นที่ 4 ก็ได้เข้าสู่ HKT48 โดยมีเมมเบอร์ใหม่ 11 คน แต่ในครั้งนี้ ค่อนข้างแตกต่างออกไป นั่นคือการรับเมมเบอร์อายุ 17 ปีมากถึง 4 คน, อายุ 16 ปี 2 คน, และอายุ 15 ปี 2 คน
เมมเบอร์รุ่นที่ 4 ถูกคัดเลือกโดยมีอายุค่อนไปทาง 15-17 ปี ก็ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้อายุของเมมเบอร์หน้าใหม่กับเมมเบอร์หน้าเก่านั้น ไม่แตกต่างจนเกินไป นั่นคือหากเลือกเมมเบอร์ที่มีอายุ 13-15 ปีเช่นเดียวกับครั้งที่เริ่มก่อตั้งวง อาจเป็นผลเสียในการดูแลเมมเบอร์เด็กที่ไม่ทั่วถึง และความต่างในอายุก็ทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างรุ่นได้ ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาดังกล่าว จึงใช้เมมเบอร์ส่วนใหญ่ที่มีอายุไล่เลี่ยกับเมมเบอร์ดั้งเดิมในการร่วมวง
ในปี ค.ศ. 2016 Sashihara Rino ก็ยังคงปกป้องเก้าอี้ราชินีแห่ง AKB48Group โดยการเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งสองสมัยซ้อนได้สำเร็จ ซึ่งก็ยิ่งประกันถึงบารมีที่ทรงอิทธิพลอย่างมหาศาลทั้ง HKT48 และ AKB48Group ในขณะที่ Miyawaki Sakura ก็ได้อันดับที่ 6 และ Kodama Haruka (兒玉遥) ก็เป็นเซมบัตสึด้วยอันดับที่ 9
ส่วน Tomonaga Mio (朝長美桜) ซึ่งเป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 2 ก็อยู่อันดับที่ 23 และ Yabuki Nako (矢吹奈子) ที่เป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 3 ก็ขึ้นมาจบอันดับที่ 28
ในปี ค.ศ. 2016 จึงเป็นปีที่ HKT48 สามรุ่นต่างก็มีดาวรุ่งที่พร้อมจะเข้ามาแทนเมมเบอร์คนอื่น ๆ ได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังไม่ใช่จุดสูงสุดและจุดสุดท้ายของ HKT48 อยู่ดี
ชัยชนะของ Sashihara Rino ก็ถูกตอกย้ำเป็นครั้งที่ 3 ในการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 9 ในปี ค.ศ. 2017 ซึ่งเป็นสิ่งที่รับประกันแล้วว่า ไม่มีใครที่จะล้มบารมีของเธอได้อีกต่อไป
แม้ว่าในการเลือกตั้งครั้งนั้น Miyawaki Sakura จะจบอันดับที่ 4 แต่เหมือนเมมเบอร์รุ่นใหม่จะมีอันดับที่ห่างเกินเอื้อมไปทุกที โดย Tanaka Miku (田中美久) กลับเป็นเมมเบอร์ที่จบอันดับที่ 28 แทน Yabuki Nako ที่เป็นเมมเบอร์รุ่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ HKT48 เริ่มสั่นคลอน คือการที่ Kodama Haruka ตัดสินใจที่จะยุติกิจกรรมในวงชั่วคราวและเข้ารักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งการขาด Kodama Haruka ทำให้ HKT48 ขาดกำลังหลักที่สำคัญในการต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อไม่มี Kodama Haruka จึงเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า HKT48 ต้องผลักดันเมมเบอร์รุ่นใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อทดแทนเมมเบอร์รุ่นแรกให้ได้ เนื่องจากกำลังที่จะลงสนามเลือกตั้งในเวลานี้ก็เหลือเพียง Miyawaki Sakura เท่านั้นที่เป็นเดอะแบก ถ้าเธอไม่ลงเลือกตั้ง HKT48 เป็นอันจบเกม
ในปี ค.ศ. 2018 Sashihara Rino ประกาศไม่ลงสมัครเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 ซึ่งก็เป็นการยืนยันถึงการเป็นเดอะแบกแห่งปี ค.ศ. 2018 ของ Miyawaki Sakura อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 โชคชะตากลับไม่เข้าข้าง Miyawaki Sakura แม้ว่าเธอจะประกาศแล้วว่า นี่คือการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย แต่ก็จบอันดับได้เพียงอันดับที่ 3 เท่านั้น
บนความโชคร้ายย่อมมีความโชคดีของ HKT48 เมื่อ Yabuki Nako และ Tanaka Miku ดับเบิ้ลเซนเตอร์ซิงเกิ้ล Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) สามารถขึ้นมาอยู่บนพื้นที่เซมบัตสึในอันดับที่ 9 และ 10 ตามลำดับได้สำเร็จ
ในปัจจุบัน HKT48 มีเมมเบอร์อยู่ในวง 49 คน เป็นเมมเบอร์สังกัดทีม 44 คนและ Kenkyusei 5 คน โดยมี ซิงเกิ้ลที่วางจำหน่ายแล้ว 11 ซิงเกิ้ล และกำลังคัดเลือกเมมเบอร์รุ่นที่ 5 (ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2018)
ผู้เขียนจะมาดูว่าใครบ้างที่พอจะเป็นเดอะแบกรุ่นใหม่ของ HKT48 ในวันที่ทั้ง Sashihara Rino และ Miyawaki Sakura ไม่สามารถแบกวงได้อีกต่อไป
Akimoto Yasushi เคยกล่าวถึง Tashima Meru ว่าเป็น "New Matsui Jurina" เนื่องจากเธอเริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 11 ปี ซึ่งแน่นอนว่าเธอถูกวางตัวให้เป็นดาวรุ่งของรุ่นที่ 2 จากคำพูดโดยนัยของ Akimoto Yasushi ที่เชื่อว่า ในอนาคตเธอจะเฉิดฉายอย่างยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับที่ Matsui Jurina ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่และดาวค้างฟ้าของ SKE48
และการที่ถูกทักว่าเป็น New Matsui Jurina จึงทำให้เธอมีโอกาสได้ถูกผลักดันเป็นคนแรก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเซนเตอร์ซิงเกิ้ลแรกของ HKT48 อย่าง SUKI! SUKI! Skip! (スキ!スキ!スキップ!) และการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 5 ในปี ค.ศ. 2013 เธอก็ติดอันดับที่ 55 ในขณะที่ยังเป็น Kenkyusei และนี่จึงทำให้เธอถูกคาดหวังว่าจะเป็นเดอะแบกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
คำว่า New Matsui Jurina ไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ และด้วยเหตุผลนี้เอง Tashima Meru จึงถูกผลักดันในฐานะเมมเบอร์ของยูนิตพิเศษซึ่งตั้งขึ้นเพื่อผลักดันเมมเบอร์ขณะเป็น Kenkyusei โดยเฉพาะ นั่นคือ Tentoumu Chu! (てんとうむChu!) ที่เมมเบอร์ 3 ทหารเสือของ AKB48 สามารถขึ้นสู่วงการด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม
แต่ดูเหมือนว่า Tashima Meru จะถูกหลงลืมเมื่อเวลาผ่านไป และในการเลือกตั้งครั้งที่ 10 ซึ่งเธอติดอันกับที่ 26 ก็อาจจะกระตุ้นให้ Sashihara Rino และสตาฟ HKT48 หันกลับมาปัดฝุ่นแผนการผลักดันเพื่อให้ New Matsui Jurina ได้อยู่บนจุดสูงสุดอย่างที่ Matsui Jurina ตัวจริงเป็นอยู่ในการเลือกตั้งครั้งที่ 10
แม้ว่าจะไม่ได้เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ แบบ New Matsui Jurina ที่ Tashima Meru ถูกเรียกตั้งแต่เริ่ม แต่การผลักดันก็สามารถสร้างไอดอลที่โด่งดังได้เช่นกัน และนั่นคือ Tomonaga Mio กับคู่หู MioMeru
ปัญหาหนึ่งของเมมเบอร์ที่เกิดขึ้น ก็คือเมื่อเมมเบอร์คนหนึ่งจบการศึกษาออกไป มักไม่ค่อยมีเมมเบอร์ตัวแทนคอยรักษาความนิยมของวง เพื่อให้เกิดตัวแทนขึ้นมาในกลุ่มเมมเบอร์ จึงต้องเกิดการผลักดันเมมเบอร์มากกว่า 1 คนเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียแรงผลักดันเมื่อเมมเบอร์จบการศึกษาออกไป
ดังนั้น Tomonaga Mio จึงถูกผลักดันด้วยรูปแบบเดียวกับ Tashima Meru ผ่านการเป็นสมาชิกของยูนิต Tentoumu Chu! (てんとうむChu!) และเป็นเซนเตอร์ซิงเกิ้ลร่วมกับ Tashima Meru ในซิงเกิ้ลที่ 2 และ 3 อย่าง Melon Juice (メロンジュース) และ Sakura, Minna de Tabeta (桜、みんなで食べた) ตามลำดับ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอมีโอกาสมากกว่า Tashima Meru นั่นคือการที่ Tomonaga Mio ได้รับโอกาสเข้าควบวงกับ AKB48 ทั้งทีม B และทีม 4 ซึงช่วยในการเพิ่มความนิยมของเธอจนสามารถแข่งกับ Tashima Meru ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
สำหรับ Fuchigami Mai แล้ว สิ่งที่ทำให้เธอน่าจะกลายเป็นเดอะแบกคนใหม่ของ HKT48 ได้ ก็น่าจะเป็นงานของเธอที่ทำร่วมกับ Kodama Haruka ในรายการวิทยุ 「HKT48のももち浜女学院」(HKT48 no Momochi Hamajugakuin) ทาง RKB radio แต่การที่ไม่มี Kodama Haruka ในรายการ กลับเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า Fuchigami Mai กลายเป็นเดอะแบกจำเป็นของรายการ และการเป็นเดอะแบกในรายการ ก็อาจนำไปสู่เดอะแบกของวงได้ในอนาคต
Yabuki Nako ถูกวางตัวให้เป็นดาวเด่นแห่งรุ่นที่ 3 ด้วยความน่ารักที่ใครหลายคนยังต้องยอม และเพราะการสนับสนุนของ Sashihara Rino จึงทำให้ Yabuki Nako เป็นไอดอลของ HKT48 ที่น่าจับตาที่สุดในเวลานี้ นอกจากนี้ Yabuki Nako ยังเคยมีโอกาสได้ไปควบวงกับ AKB48 ทีม B ในช่วงที่ Watanabe Mayu ยังอยู่ในทีม ดังนั้นในฐานะน้องสาวตัวน้อยของวงที่ต้องควบงานตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ความเป็นไอดอลของเธอเปล่งประกายอย่างเจิดจ้าในเวลาต่อมา
ในปี ค.ศ. 2018 Yabuki Nako ได้รับการผลักดันที่เห็นได้ชัดจากการถูกวางตัวให้เป็นหนึ่งในเซนเตอร์ซิงเกิ้ล Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) และจากการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 พบว่าอันดับของเธอขึ้นมาถึงอันดับที่ 9 (ในโซนเซมบัตสึ) ซึ่งเป็นที่จับตามองว่าเธออาจเป็นเดอะแบกคนต่อไปของ HKT48 (และอาจรวมไปถึงการเข้าถึงพื้นที่โฆษณาร้านค้าที่มากที่สุดของ HKT48 อีกด้วย)
ในปีเดียวกัน Produce48 ก็ยิ่งทำให้ Yabuki Nako ถูกจับตามองมากขึ้นไปอีก ด้วยความพยายามอันสุดขั้วจากเกรด F สู่เกรด A ในรายการ และยังแย่งพื้นที่ 12 คนแรกได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้ยิ่งเพิ่มคะแนนสนับสนุนของเธอได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจจะตามมา คืออนาคตของผู้ชนะ Produce48 ที่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นอย่างไร ความไม่ชัดเจนในสัญญาที่จะโปรโมทผู้ชนะในรายการตลอด 2 ปีครึ่ง กลายเป็นคำถามที่ผู้เขียนมองว่า Yabuki Nako อาจไม่ได้เป็นเดอะแบกของ HKT48 ในกรณีที่เธอชนะในการแข่งขันและถูกบีบให้หยุดกิจกรรมกับ HKT48 แต่ในกรณีที่ยังสามารถควบงานในวงได้ การเป็นเดอะแบกของ Yabuki Nako ก็ค่อนข้างแน่นอน
Tanaka Miku ก็คล้ายกับ Yabuki Nako ในฐานะเมมเบอร์รุ่นใหม่ที่ถูกผลักดันให้โดดเด่น แต่การถูกผลักดันของเธอนั้นแตกต่างออกไป โดยเข้าไปอยู่ในเซมบัตสึซิงเกิ้ลที่ 50 และ 51 อย่าง 11gatsu no Anklet (11月のアンクレット) และ Jabaja (ジャーバージャ)
นอกจากนี้ ความโดดเด่นในเสียงร้องของเธอจึงทำให้ใครหลายคนชื่นชอบ และที่สำคัญก็คือการมีโฆษณามาติดต่อขอให้ร้องเพลงในโฆษณา (แน่นอนว่าต้นสังกัดอย่าง AKS ก็ยินยอมถ้าเพื่อให้เป็นที่รู้จักและโด่งดังขึ้น และเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก) โดยหนึ่งในนั้นคือโฆษณามาส์คหน้า 「ALFACE」
แต่จุดที่ทำให้ Oda Ayaka เป็นที่รู้จักก็คือความชื่นชอบใน UFO ของเธอ ซึ่งใน catchphrase เธอยังพูดว่า เธออยากเป็นเพื่อนกับมนุษย์ต่างดาว แม้ว่าอายุจะ 19 ปี แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกของการเป็นเดอะแบกที่ดีคนหนึ่ง ซึ่ง Oda Ayaka ยังสามารถเข้าใกล้เซมบัตสึได้มากกว่านี้ ถ้าได้รับการผลักดันในฐานะเมมเบอร์ HKT48 รุ่นใหม่
หลังจากที่ Sashihara Rino ควบตำแหน่งผู้จัดการเธียเตอร์ร่วมได้ไม่นาน ในการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2013 Sashihara Rino ก็สามารถโค่น Oshima Yuko (大島優子) และขึ้นเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ที่วงน้องสาวสามารถโค่นวงพี่สาวกลางงานเลือกตั้งของ AKB48Group แม้ว่าจะไม่ได้เริ่มต้นมาจาก HKT48 ก็ตาม แต่หากพิจารณาจากสังกัดวงในขณะนั้น เธอคือเมมเบอร์คนแรกในสังกัดวงน้องสาวที่สามารถทำได้
ด้วยบารมีที่เคยมีในสมัย AKB48 และการมีบทบาทในฐานะพี่ใหญ่ของ HKT48 จึงทำให้เธอ Sashihara Rino ก้าวเข้าสู่การเป็นมหาอำนาจของ AKB48Group เทียบเท่าคามิ 7 ในตำนานของ AKB48
แต่การเป็นมหาอำนาจใน AKB48Group นั้น สิ่งหนึ่งที่พึงทำเพื่อเป็นการพิสูจน์ คือการแสดงให้เห็นว่า Sashihara Rino สามารถทำในสิ่งที่เมมเบอร์คนอื่นไม่สามารถทำได้
เพลงของ AKB48 Group แทบทุกเพลงจะมีเนื้อร้องที่ถูกแต่งโดย Akimoto Yasushi (秋元 康) ผู้เป็น producer ใหญ่และเจ้าของ AKB48Group แต่เมื่อ Sashihara Rino ได้เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นใน HKT48 และ AKB48 Group สิ่งที่เธอพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอคือมหาอำนาจของ AKB48Group อย่างแท้จริง ก็คือการใช้ความสามารถของเธอเพื่อสร้างผลงาน
ในเวลานั้น Matsumura Kaori (松村香織) จาก SKE48 ได้รับการแต่งตั้งเป็น "Kenkyusei กิตติมศักดิ์ตลอดชีพ" (終身名誉研究生) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2014 และเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของเธอที่ยืนยันในการดำรงตำแหน่งนี้ ซิงเกิ้ลเดี่ยวของเธอจึงเกิดขึ้น
และเป็นช่วงเวลาเดียวกับการที่ Sashihara Rino กำลังจะพิสูจน์ในฐานะมหาอำนาจของ AKB48Group จึงทำให้ Sashihara Rino ได้เข้ามาทำงานในฐานะ producer ของซิงเกิ้ลที่ Matsumura Kaori แสดง โดยรับผิดชอบในเรื่องชุด (ที่งบประมาณมีจำจัดจนเกิดชุดที่ทำมาจากหนังสือพิมพ์ที่มีหน้าของ AKB48), การแต่งหน้า, และปกซิงเกิ้ล (ที่คล้ายกับซิงเกิ้ล Oogoe Diamond (大声ダイヤモンド))
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ซิงเกิ้ลนี้จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความเป็นมหาอำนาจ นั่นคือ ซิงเกิ้ล Matsumurabu (マツムラブ) ถูกเขียนเนื้อร้องโดย Sashihara Rino ในฐานะ producer
ซิงเกิ้ล Matsumurabu (マツムラブ) |
แม้ว่านี่ไม่ใช่เพลงแรกที่ไม่ได้ถูกแต่งขึ้นโดย Akimoto Yasushi เนื่องจากเพลงแรก คือ Eien Yori Tsuzuki You ni (永遠より続くように) ซึ่งเนื้อร้องถูกแต่งขึ้นโดย Okada Hisaya (岡田寿也) สำหรับยูนิตพิเศษ OKL48 (Okalemon48) ที่เป็นซิงเกิ้ลรองของ Eien Pressure (永遠プレッシャー)
แต่โอกาสที่จะให้คนอื่นนอกเหนือจาก Akimoto Yasushi ได้รับโอกาสในการเขียนเพลงขึ้นมาขายในชื่อของ AKB48Group รับว่าน้อยมากถึงมากที่สุด และ Sashihara Rino ก็คือหนึ่งในนั้นที่ทำได้ (ส่วนคนที่ 3 ที่สามารถทำได้ ก็คือ Matsui Jurina (松井 珠理奈) กับเพลง Hana Uranai (花占い) สำหรับอัลบั้มที่ 2 ของ SKE48 ในปี ค.ศ.2017)
สำหรับเมมเบอร์ใน HKT48 เมมเบอร์รุ่นที่ 2 ของ HKT48 ถูกประกาศขึ้นในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2012 และตามด้วยการมาของเมมเบอร์รุ่นที่ 3 ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ซึ่งแน่นอนว่า เมมเบอร์ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเด็กเช่นเดียวกับเมมเบอร์รุ่นที่ 1 และยังคงเป็น Sashihara Rino ที่ยังมีอายุมากที่สุดใน HKT48 เพื่อรักษาทั้งพระเดชและคุณในวงให้มากที่สุด (อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อทำให้เมมเบอร์ทุกคนยอมเชื่อฟังตนและให้คำแนะนำกับทุกคนจากประสบการณ์ที่เป็น producer)
|
|
และจากนั้น HKT48 ก็อยู่ในช่วงที่ Sashihara Rino มีบารมีสูงสุดภายในวง แต่เธอไม่ได้มาเพียงเพื่อมีบทบาทในวงอย่างเต็มที่เท่านั้น แต่สิ่งที่ Sashihara Rino ได้สร้างใน HKT48 คือการผลักดันเด็กใหม่ของ HKT48 ให้ค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น
แน่นอนว่าภายใต้บารมีของ Sashihara Rino ใน HKT48 แล้ว เมมเบอร์ทั้งหลายที่ยังมีอายุน้อย เป็นสิ่งที่ทำให้วงสามารถอยู่ได้อย่างยาวนานโดยแทบไม่จำเป็นต้องประกาศรับเมมเบอร์ใหม่เข้ามาทดแทน
ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2014 ทีม KIV ก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยที่มีการใช้เมมเบอร์เดิมของทีม H ครึ่งหนึ่งไปเป็นทีม KIV ใหม่ เพื่อเปิดที่ให้กับเมมเบอร์รุ่นใหม่เข้าทีม H และไม่ให้เมมเบอร์รุ่นใหม่มีความรู้สึกแตกต่างเมื่อถูกเลือกเข้าทีม KIV ใหม่อีกด้วย
สถานการณ์ของ HKT48 ก็ยังอยู่ในช่วงที่ Sashihara Rino ยังคงทรงอิทธิพลในวงตลอด ค.ศ. 2014 แม้ว่าเธอจะพลาดท่าแพ้ให้กับ Watanabe Mayu (渡辺麻友) ในการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 6 ในปี ค.ศ. 2014
ด้วยแรงผลักดันที่ Sashihara Rino ผลักดันเมมเบอร์รุ่นใหม่ที่เป็นสายเลือด HKT48 ในที่สุดในปี ค.ศ. 2015 ก็เกิดผล
หลังจากที่รับเพิ่มอีกเมมเบอร์ 3 คนในงานการเลือกคัดเลือกเด็กดราฟท์ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ก็เกิดการเลือกตั้งเซบบัตสึครั้งที่ 7 ขึ้นมา โดยในเวลานี้ Miyawaki Sakura ได้เข้าสู่อันดับที่ 7 ซึ่งเป็นตำแหน่งของคามิ 7 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก พร้อมกับการที่ Kodama Haruka (兒玉遥) เข้าสู่อันดับที่ 17 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของ Undergirls ก่อนเข้าอันดับของเซมบัตสึ
และแล้วในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2016 ทีม TII ก็ได้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายของ HKT48 ที่ก่อตั้ง และทั้ง 3 ทีมก็เสร็จสมบูรณ์ในช่วงที่ Sashihara Rino ยังคงอยู่ใน HKT48 ซึ่งพัฒนาการของ HKT48 ก็ชัดเจนว่าเป็นทีมที่เน้นเมมเบอร์อายุน้อย ๆ เพื่อรอคอยผลการเป็นไอดอลในระยะยาวและเหนียวแน่น หากได้รับการผลักดันที่ดี
วันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 เมมเบอร์รุ่นที่ 4 ก็ได้เข้าสู่ HKT48 โดยมีเมมเบอร์ใหม่ 11 คน แต่ในครั้งนี้ ค่อนข้างแตกต่างออกไป นั่นคือการรับเมมเบอร์อายุ 17 ปีมากถึง 4 คน, อายุ 16 ปี 2 คน, และอายุ 15 ปี 2 คน
เมมเบอร์รุ่นที่ 4 ของ HKT48 |
ในปี ค.ศ. 2016 Sashihara Rino ก็ยังคงปกป้องเก้าอี้ราชินีแห่ง AKB48Group โดยการเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งสองสมัยซ้อนได้สำเร็จ ซึ่งก็ยิ่งประกันถึงบารมีที่ทรงอิทธิพลอย่างมหาศาลทั้ง HKT48 และ AKB48Group ในขณะที่ Miyawaki Sakura ก็ได้อันดับที่ 6 และ Kodama Haruka (兒玉遥) ก็เป็นเซมบัตสึด้วยอันดับที่ 9
ส่วน Tomonaga Mio (朝長美桜) ซึ่งเป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 2 ก็อยู่อันดับที่ 23 และ Yabuki Nako (矢吹奈子) ที่เป็นเมมเบอร์รุ่นที่ 3 ก็ขึ้นมาจบอันดับที่ 28
ในปี ค.ศ. 2016 จึงเป็นปีที่ HKT48 สามรุ่นต่างก็มีดาวรุ่งที่พร้อมจะเข้ามาแทนเมมเบอร์คนอื่น ๆ ได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังไม่ใช่จุดสูงสุดและจุดสุดท้ายของ HKT48 อยู่ดี
ชัยชนะของ Sashihara Rino ก็ถูกตอกย้ำเป็นครั้งที่ 3 ในการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 9 ในปี ค.ศ. 2017 ซึ่งเป็นสิ่งที่รับประกันแล้วว่า ไม่มีใครที่จะล้มบารมีของเธอได้อีกต่อไป
แม้ว่าในการเลือกตั้งครั้งนั้น Miyawaki Sakura จะจบอันดับที่ 4 แต่เหมือนเมมเบอร์รุ่นใหม่จะมีอันดับที่ห่างเกินเอื้อมไปทุกที โดย Tanaka Miku (田中美久) กลับเป็นเมมเบอร์ที่จบอันดับที่ 28 แทน Yabuki Nako ที่เป็นเมมเบอร์รุ่นเดียวกัน
HKT48 ในยุคเปลี่ยนผ่าน
ผ่านมาแล้ว 6 ปี เมมเบอร์รุ่นเด็กของ HKT48 ก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และ Sashihara Rino ก็กลายเป็นผู้มากบารมีใน HKT48 แบบที่ไม่มีใครเอาชนะได้แต่สิ่งที่ทำให้ HKT48 เริ่มสั่นคลอน คือการที่ Kodama Haruka ตัดสินใจที่จะยุติกิจกรรมในวงชั่วคราวและเข้ารักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งการขาด Kodama Haruka ทำให้ HKT48 ขาดกำลังหลักที่สำคัญในการต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อไม่มี Kodama Haruka จึงเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า HKT48 ต้องผลักดันเมมเบอร์รุ่นใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อทดแทนเมมเบอร์รุ่นแรกให้ได้ เนื่องจากกำลังที่จะลงสนามเลือกตั้งในเวลานี้ก็เหลือเพียง Miyawaki Sakura เท่านั้นที่เป็นเดอะแบก ถ้าเธอไม่ลงเลือกตั้ง HKT48 เป็นอันจบเกม
ในปี ค.ศ. 2018 Sashihara Rino ประกาศไม่ลงสมัครเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 ซึ่งก็เป็นการยืนยันถึงการเป็นเดอะแบกแห่งปี ค.ศ. 2018 ของ Miyawaki Sakura อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 โชคชะตากลับไม่เข้าข้าง Miyawaki Sakura แม้ว่าเธอจะประกาศแล้วว่า นี่คือการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย แต่ก็จบอันดับได้เพียงอันดับที่ 3 เท่านั้น
บนความโชคร้ายย่อมมีความโชคดีของ HKT48 เมื่อ Yabuki Nako และ Tanaka Miku ดับเบิ้ลเซนเตอร์ซิงเกิ้ล Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) สามารถขึ้นมาอยู่บนพื้นที่เซมบัตสึในอันดับที่ 9 และ 10 ตามลำดับได้สำเร็จ
ในปัจจุบัน HKT48 มีเมมเบอร์อยู่ในวง 49 คน เป็นเมมเบอร์สังกัดทีม 44 คนและ Kenkyusei 5 คน โดยมี ซิงเกิ้ลที่วางจำหน่ายแล้ว 11 ซิงเกิ้ล และกำลังคัดเลือกเมมเบอร์รุ่นที่ 5 (ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2018)
เดอะแบกรุ่นใหม่ของ HKT48
เมื่อ Sashihara Rino ประกาศไม่ลงสมัครเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 ทำให้ Miyawaki Sakura เป็นเดอะแบกของ HKT48 ในการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เมื่อ Miyawaki Sakura อาจไม่ลงเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 11 นั่นจึงเป็นคำถามว่า แล้วใครจะเป็นเดอะแบกคนต่อไปของ HKT48 และนี่คือที่มาของบทวิเคราะห์48ศึกษาเรื่องนี้
ผู้เขียนจะมาดูว่าใครบ้างที่พอจะเป็นเดอะแบกรุ่นใหม่ของ HKT48 ในวันที่ทั้ง Sashihara Rino และ Miyawaki Sakura ไม่สามารถแบกวงได้อีกต่อไป
Tanaka Natsumi (田中菜津美)
ในขณะที่ผู้อ่านอาจมองไปถึงรุ่นใหม่ ๆ ของ HKT48 หากลองมองไปที่เมมเบอร์รุ่นแรกสุด ความหวังที่จะปั้นเดอะแบกก็ยังมี และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หนีไม่พ้น Tanaka Natsumi (田中菜津美)
Tanaka Natsumi |
จริง ๆ แล้วผู้เขียนเชื่อว่าเมมเบอร์รุ่นแรกจะเป็นรุ่นที่มีความรักและผูกพันต่อ HKT48 มากที่สุด เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยอายุในวงมากที่สุด
Tanaka Natsumi เป็น เมมเบอร์รุ่นแรกที่อายุน้อยที่สุด ในตอนนี้ ซึ่งโอกาสที่จะได้เป็นเดอะแบกก็ยังมีอยู่ แม้ว่าเมมเบอร์หลายคนในรุ่นเดียวกันจะมีอายุขึ้นเลข 2 แล้วก็ตาม ทำให้อายุงานของเธอยังคงมีอยู่มาก และถ้าได้รับโอกาสที่ดี ก็อาจเป็นเดอะแบกคนใหม่ทั้งของวงและรุ่นที่ 1 อีกด้วย
นอกจากนี้ อันดับการเลือกตั้งก็ยังอยู่ใน 100 อันดับแรก ซึ่งก็คือ อันดับที่ 63 ในการเลือกตั้งครั้งที่ 10 สิ่งนี้ก็ยังช่วยสนับสนุนความเป็นไปได้ที่จะเลือก Tanaka Natsumi ขึ้นมาเป็นเดอะแบกของวงในฐานะของเมมเบอร์รุ่นแรกนั่นเอง
Tashima Meru (田島芽瑠)
เมื่อพิจารณาถึงเมมเบอร์รุ่นที่ 2 แล้ว หนุ่งในตัวเลือกที่เป็นไปได้ในการเป็นเดอะแบกของวง ก็หนีไม่พ้น Tashima Meru (田島芽瑠)
Tashima Meru |
และการที่ถูกทักว่าเป็น New Matsui Jurina จึงทำให้เธอมีโอกาสได้ถูกผลักดันเป็นคนแรก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเซนเตอร์ซิงเกิ้ลแรกของ HKT48 อย่าง SUKI! SUKI! Skip! (スキ!スキ!スキップ!) และการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 5 ในปี ค.ศ. 2013 เธอก็ติดอันดับที่ 55 ในขณะที่ยังเป็น Kenkyusei และนี่จึงทำให้เธอถูกคาดหวังว่าจะเป็นเดอะแบกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
คำว่า New Matsui Jurina ไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ และด้วยเหตุผลนี้เอง Tashima Meru จึงถูกผลักดันในฐานะเมมเบอร์ของยูนิตพิเศษซึ่งตั้งขึ้นเพื่อผลักดันเมมเบอร์ขณะเป็น Kenkyusei โดยเฉพาะ นั่นคือ Tentoumu Chu! (てんとうむChu!) ที่เมมเบอร์ 3 ทหารเสือของ AKB48 สามารถขึ้นสู่วงการด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม
แต่ดูเหมือนว่า Tashima Meru จะถูกหลงลืมเมื่อเวลาผ่านไป และในการเลือกตั้งครั้งที่ 10 ซึ่งเธอติดอันกับที่ 26 ก็อาจจะกระตุ้นให้ Sashihara Rino และสตาฟ HKT48 หันกลับมาปัดฝุ่นแผนการผลักดันเพื่อให้ New Matsui Jurina ได้อยู่บนจุดสูงสุดอย่างที่ Matsui Jurina ตัวจริงเป็นอยู่ในการเลือกตั้งครั้งที่ 10
Tomonaga Mio (朝長美桜)
AKB48 มักมี 3 ประสานประจำรุ่น แน่นอนว่า HKT48 ก็มีเช่นกัน และนั่นคือคู่หูประจำรุ่น ซึ่งคู่ของ Tashima Meru ประจำรุ่นที่ 2 ก็คือ Tomonaga Mio (朝長美桜)
Tomonaga Mio |
ปัญหาหนึ่งของเมมเบอร์ที่เกิดขึ้น ก็คือเมื่อเมมเบอร์คนหนึ่งจบการศึกษาออกไป มักไม่ค่อยมีเมมเบอร์ตัวแทนคอยรักษาความนิยมของวง เพื่อให้เกิดตัวแทนขึ้นมาในกลุ่มเมมเบอร์ จึงต้องเกิดการผลักดันเมมเบอร์มากกว่า 1 คนเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียแรงผลักดันเมื่อเมมเบอร์จบการศึกษาออกไป
ดังนั้น Tomonaga Mio จึงถูกผลักดันด้วยรูปแบบเดียวกับ Tashima Meru ผ่านการเป็นสมาชิกของยูนิต Tentoumu Chu! (てんとうむChu!) และเป็นเซนเตอร์ซิงเกิ้ลร่วมกับ Tashima Meru ในซิงเกิ้ลที่ 2 และ 3 อย่าง Melon Juice (メロンジュース) และ Sakura, Minna de Tabeta (桜、みんなで食べた) ตามลำดับ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอมีโอกาสมากกว่า Tashima Meru นั่นคือการที่ Tomonaga Mio ได้รับโอกาสเข้าควบวงกับ AKB48 ทั้งทีม B และทีม 4 ซึงช่วยในการเพิ่มความนิยมของเธอจนสามารถแข่งกับ Tashima Meru ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
Fuchigami Mai (渕上舞)
แม้ว่าจะไม่ได้ถูกผลักดันอย่างชัดเจนและเข้มเข้นเช่นเดียวกัน MioMeru ในรุ่นที่ 2 แต่ก็ยังมีโอกาสที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและสเน่ห์ที่น่าติดตามสำหรับ Fuchigami Mai (渕上舞)
Fuchigami Mai |
Yabuki Nako (矢吹奈子)
ทุกคนกำลังคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Yabuki Nako (矢吹奈子) คือว่าที่เดอะแบกแห่ง HKT48 อย่างไม่ต้องสงสัยด้วยวัยที่ยังไม่มากและอันดับการเลือกที่สูงระดับเซมบัตสึ นอกจากนี้ ยังเป็นลูกศิษย์และแฟนคลับตัวยงของ Sashihara Rino จึงไม่แปลกใจที่ผู้มากบารมีจะเอ็นดูเป็นอย่างดีYabuki Nako |
ในปี ค.ศ. 2018 Yabuki Nako ได้รับการผลักดันที่เห็นได้ชัดจากการถูกวางตัวให้เป็นหนึ่งในเซนเตอร์ซิงเกิ้ล Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) และจากการเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 พบว่าอันดับของเธอขึ้นมาถึงอันดับที่ 9 (ในโซนเซมบัตสึ) ซึ่งเป็นที่จับตามองว่าเธออาจเป็นเดอะแบกคนต่อไปของ HKT48 (และอาจรวมไปถึงการเข้าถึงพื้นที่โฆษณาร้านค้าที่มากที่สุดของ HKT48 อีกด้วย)
ในปีเดียวกัน Produce48 ก็ยิ่งทำให้ Yabuki Nako ถูกจับตามองมากขึ้นไปอีก ด้วยความพยายามอันสุดขั้วจากเกรด F สู่เกรด A ในรายการ และยังแย่งพื้นที่ 12 คนแรกได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้ยิ่งเพิ่มคะแนนสนับสนุนของเธอได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจจะตามมา คืออนาคตของผู้ชนะ Produce48 ที่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นอย่างไร ความไม่ชัดเจนในสัญญาที่จะโปรโมทผู้ชนะในรายการตลอด 2 ปีครึ่ง กลายเป็นคำถามที่ผู้เขียนมองว่า Yabuki Nako อาจไม่ได้เป็นเดอะแบกของ HKT48 ในกรณีที่เธอชนะในการแข่งขันและถูกบีบให้หยุดกิจกรรมกับ HKT48 แต่ในกรณีที่ยังสามารถควบงานในวงได้ การเป็นเดอะแบกของ Yabuki Nako ก็ค่อนข้างแน่นอน
Tanaka Miku (田中美久)
คู่หูประจำรุ่นที่ 3 ของ HKT48 ก็มีเช่นเดียวกับที่รุ่นที่ 2 มีอยู่ นั่นคือ "NakoMiku" และอีกคนหนึ่งที่จะกล่าวถึง ก็คือ Tanaka Miku (田中美久) ที่ความน่ารักที่ไม่เป็นสองรองใคร
Tanaka Miku |
Oda Ayaka (小田彩加)
เมมเบอร์รุ่นที่ 4 ที่ตอนนี้อันดับดีที่สุดในรุ่น ก็คงหนีไม่พ้น Oda Ayaka (小田彩加) ซึ่งได้อันดับที่ 50
Oda Ayaka |
เมมเบอร์ที่เคยเรียกแอพลิเคชันมือถือ LINE เป็น Lion (สิงโต) มาแล้ว (ซึ่งความผิดพลาดสามารถเกิดขึ้นได้ ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ผู้เขียนเชื่อว่า น่าจะมาจากการที่เธอดู AKBINGO! ตอนที่ 463 แล้วเกิดอารมณ์มากเกินไป)
Chiba Erii (千葉恵里) กับ Lion หมายเหตุ: ภาพประกอบความเข้าใจเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาโดยตรง |
Toyonaga Aki (豊永阿紀)
ในบรรดาเมมเบอร์รุ่นที่ 4 ของ HKT48 เมมเบอร์ที่ได้รับการผลักดันที่มากที่สุดในปี ค.ศ. 2018 นั่นคือ Toyonaga Aki (豊永阿紀)
Toyonaga Aki |
Matsuoka Hana (松岡はな)
Matsuoka Hana (松岡はな) เป็นเด็ก Draft รุ่นที่ 2 ที่ HKT48 เลือกเข้ามาในวง และเคยผ่านการเป็นพาร์ทไทม์ของ AKB48 หรือ Baito AKB (バイトAKB)
Matsuoka Hana |
นอกจากนี้ Matsuoka Hana ได้รับโอกาสให้เป็นเซมบัตสึซิงเกิ้ล AKB48 มาโดยตลอด จากการจัดตัวของสตาฟ (ซึ่งไม่นับซิงเกิ้ลหลังผลการเลือกตั้งนั่นเอง) โดยเริ่มต้นตั้งแต่ High Tension (ハイテンション) นั่นจึงเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า เธอไม่ได้ถูกผลักดันโดยสตาฟของ HKT48 เท่านั้น แต่เธอยังถูกผลักดันโดยสตาฟของ AKB48 ที่เห็นในความสามารถด้านการเต้นของเธอนั่นเอง
ความเป็นไปได้ของการเป็นเดอะแบกภายใน HKT48
บทวิเคราะห์นี้ ต้องการชี้ว่าใครน่าจะได้เป็นเดอะแบกคนต่อไปของ HKT48 มากกว่าการส่องเมมเบอร์ดาวรุ่งของ HKT48 ดังนั้น ผู้เขียนจึงทำการสังเกตแนวโน้มว่าใครมีโอกาสถูกวางให้เป็นเดอะแบกของ HKT48 มากที่สุดถ้าพิจารณาจากอันดับในการเลือกตั้งแล้ว คู่เมมเบอร์รุ่นที่ 3 "NakoMiku" ซึ่งประกอบด้วย Yabuki Nako และ Tanaka Miku น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องด้วยอายุที่ไม่มาก จึงทำให้เวลาในการสะสมบารมีของเธอยังเหลืออยู่อีกมาก และการที่ทั้งคู่อยู่ในอันดับที่สูง จึงช่วยให้แฟนคลับ HKT48 สามารถตั้งเป้าส่งแรงเทคะแนนเพื่อให้เป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งได้อย่างง่ายดาย
ปกซิงเกิ้ล Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) ฉบับเธียเตอร์ |
Kodama Haruka |
ส่วนเมมเบอร์คนอื่น ๆ ที่มีโอกาสที่ถูกเลือกให้เป็นเดอะแบกเช่นกัน ได้แก่ Oda Ayaka และ Matsuoka Hana โดยผู้เขียนมองว่าการเป็นเดอะแบกของกลุ่มรองลงมานั้น อาจใช้เวลา 2-3 ปีเพื่อก้าวเข้ามาในระดับที่สามารถมองเห็นได้ และพร้อมที่จะถูกผลักดันอย่างเต็มที่เช่นเดียวกับที่คู่หู "NakoMiku" กำลังได้รับในปัจจุบัน
จากการเลือกตั้งในปีถัดไป HKT48 อาจมีเดอะแบกคนใหม่ที่พร้อมจะลุยเพื่อทวงเก้าอี้ราชินีแห่ง AKB48Group เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของ Sashihara Rino ที่จะให้อันดับ 1 เคียงคู่กับ HKT48 ตลอดไป
บทส่งท้าย
ในอนาคตข้างหน้า HKT48 จะมีเดอะแบกที่มาแทน Miyawaki Sakura โดยเดอะแบกคนต่อไปก็เป็นสิ่งที่ Sashihara Rino อยากให้มีเพื่อนำชัยชนะมายัง HKT48 ในการเลือกตั้ง ผู้เขียนเชื่อว่าคู่หู "NakoMiku" มีโอกาสเป็นเดอะแบกรุ่นถัดไปของ HKT48 มากที่สุด อย่างไรก็ตาม เดอะแบกที่นอกเหนือจากนี้ ก็อาจจะมีได้ทุกเมื่อ
ตอนต่อไป
ผู้เขียนจะกลับมาดูที่ AKB48 ว่าใครจะสามารถทวงคืนบัลลังก์ราชินีแห่ง AKB48Group สู่ AKB48 หลังจากที่หายไปอย่างยาวนานได้แล้วบ้าง เมมเบอร์ AKB48 อยู่ในช่วงที่ฟื้นตัวเองอยู่ และรอวันที่จะกลับมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น ใครจะเป็นหัวหอกและเดอะแบกของ AKB48 ที่ทุกคนคาดหวังกันแน่
Comments
Post a Comment