วิเคราะห์การเลือกตั้งเซมบัตสึครั้งที่ 10 - พาร์ท 1
หน้าปกของคู่มือการเลือกตั้งเซมบัตสึประจำปี 2018 |
สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ มีกำหนดการประกาศผลการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2018 ที่ Nagoya Dome ในจังหวัด Nagoya ซึ่งเป็นฐานของ SKE48
เมมเบอร์ที่ถูกคาดหมายว่าเป็นเบอร์ 1 ในการเลือกตั้ง
|
Matsui Jurina (松井 珠理奈)
Matsui Jurina ถูกคาดหมาย ในฐานะที่จะเป็นเบอร์ 1 ในการเลือกตั้ง ซึ่งแม้แต่กองบรรณาธิการผู้จัดทำคู่มือการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังคาดเดาว่าเธอจะเป็นหมายเลข 1 ผู้นั่งบัลลังก์อันทรงเกียรติแห่ง AKB48Matsui Jurina |
อะไรที่ทำให้บรรณาธิการเชื่อและเดาว่า Matsui Jurina คือ ราชินีในคำคื่นแห่ง Nagoya Dome จากความเห็นของผู้เขียน มี 4 ปัจจัยที่สนับสนุนการขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของ Matsui Jurina ดังนี้
ประการที่หนึ่ง ศึกเลือกตั้งในบ้าน - สถานที่ในการประกาศผลการเลือกตั้ง แม้ว่าในทางทฤษฎีอาจไม่ได้ส่งผลต่อคะแนนนิยมมากนัก แต่ในทางปฏิบัติ สถานที่เปรียบเสมือนถิ่นเหย้าในเกมฟุตบอลที่แพ้ไม่ได้ และเป็นรูปแบบศึกทางจิตวิทยาอย่างรุนแรงสำหรับฐานเสียงแฟนคลับใน Nagoya อย่าง SKE48 ที่ไม่ต้องการเห็นเมมเบอร์ของทีมอื่นมาแย่งเก้าอี้อันสำคัญไปต่อหน้าต่อตาในบ้านของตนเอง
การเป็นเจ้าภาพของ SKE48 ที่มีท่านนายกเทศมนตรีแห่งนคร Nagoya อย่าง Takashi Kawamura (河村 たかし) เป็นผู้ประชาสัมพันธ์ด้วยตนเอง น่าจะเป็นการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ Nagoya ต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ และกระตุ้นให้แฟนคลับในตัวเมืองสนับสนุนเมมเบอร์ โดยเฉพาะ Matsui Jurina ที่เป็นหน้าตาให้กับ SKE48 เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้
Takashi Kawamura นายกเทศมนตรีแห่งนคร Nagoyaประชาสัมพันธ์สถานที่เลือกตั้งด้วยตนเอง |
ประการที่สาม SKE ครบรอบ 10 ปี - วง SKE48 จะก่อตั้งครบรอบ 10 ปีในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 สิ่งนี้คือการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของ SKE48 และเป็นหมายสำคัญที่แฟนคลับจะแสดงพลังให้โลกได้เห็นถึงความรักที่มีต่อ SKE48 ซึ่งผ่านความยากลำบากในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ภาพโปรไฟล์ใน Twitter ของ SKE48 เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี |
ในกรณีของ Matsui Jurina จะค่อนข้างแตกต่าง เนื่องจาก Matsui Jurina เคยทำงานร่วมกับ AKB48 ในยุคทองมาก่อน
ในเวลานี้ จึงคาดการณ์ว่า Matsui Jurina อาจได้ที่ 1 ถ้าไม่เกิดความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ เพราะถ้าดูจากสถิติแล้ว ในกรณีที่แย่ที่สุด ก็น่าจะเป็นอันดับที่ 3 เหมือนเดิม
อันดับการเลือกตั้งเซมบัตสึในครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 1 - อันดับที่ 19
ครั้งที่ 2 - อันดับที่ 10
ครั้งที่ 3 - อันดับที่ 14
ครั้งที่ 4 - อันดับที่ 9
ครั้งที่ 5 - อันดับที่ 6
ครั้งที่ 6 - อันดับที่ 4
ครั้งที่ 7 - อันดับที่ 5
ครั้งที่ 8 - อันดับที่ 3
ครั้งที่ 9 - อันดับที่ 3
โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง: 40/100
โอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งคามิ 7: 100/100
โอกาสที่จะติดเซมบัตสึ: 100/100
Miyawaki Sakura (宮脇咲良)
บรรณาธิการเดาว่า แม้ Miyawaki Sakura คือความหวังหนึ่งเดียวที่แฟนคลับ HKT48 ต้องลงทุนแบบมีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ ทุ่มเงินสุดตัว ปิดฮากาตะ แต่ก็น่าจะทำได้เพียงแค่ที่ 2 เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ผู้เขียนมองว่า Miyawaki Sakura สามารถขึ้นสู่ผู้ชนะมี 4 ปัจจัยที่สัมพันธ์กันดังนี้
ประการที่หนึ่ง เก้าอี้ผู้ชนะ = HKT48 - สูตรสำเร็จที่ Sashihara Rino เขียนเอาไว้เป็นเวลา 3 ปีซ้อน และหวังว่าปีที่ 4 จะรอให้รุ่นน้องอย่าง Miyawaki Sakura มารักษาสมการนี้ต่อไป
HKT48 เป็นวงที่เน้นสีสันและรีแอคชั่นในรายการวาไรตี้ที่เหนือกว่าทุกที่ในญี่ปุ่นไว้ตั้งแต่อดีต ซึ่งในยุคแรกของวง มักเป็นเมมเบอร์ที่มีอายุน้อยและยังเด็ก จึงทำให้แฟนคลับของวงนี้มักเริ่มต้นติดตามและขยายผลได้ในระยะยาว โดยการใช้เมมเบอร์เด็กในรุ่นบุกเบิก ได้ทำให้กำลังหลักที่สร้าง HKT48 ยังคงอยู่ในเวลานี้ และมีส่วนในการขยายอิทธิพลของวงสีดำนี้จนเข้มแข็งและน่าเกรงขาม
แต่เมื่อผู้มากบารมีแห่ง HKT48 ที่เป็นทั้งพี่สาวและผู้จัดการเธียเตอร์ เข้าสู่จุดอิ่มตัวในการเลือกตั้ง ความกดดันมหาศาลย่อมตกกับ Miyawaki Sakura เพราะต้องเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอนจากคู่แข่งในวงน้องสาววงอื่นตามลำพัง แต่สิ่งนี้กลับทำให้เกิดปัจจัยที่สองขึ้นตามมา
ประการที่สอง แรงสนับสนุนจากฐานเสียง Sashihara Rino - Sashihara Rino ไม่ลงสมัครเลือกตั้ง เป็นผลดีต่อ Miyawaki Sakura ในประเด็นที่ทำให้ตัวตัดคะแนนกันเองภายใน HKT48 หายไป และยังมีโอกาสดึงฐานเสียงอันมากมายของ Sashihara Rino เข้าสู่ตัวเองได้ ไม่ว่าด้วยเพราะเป็น HKT48 ด้วยกันหรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ ใดก็ตาม
แม้ว่า Sashihara Rino จะไม่ใช่สมาชิกตั้งแต่แรกเริ่มของ HKT48 เนื่องจากถูกย้ายมาจาก AKB48 แต่การย้ายมาของเธออย่างถาวร ทำให้เธอสามารถสะสมบารมีของตนเองได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่ที่ไม่มีการแข่งขันใด ๆ จากพื้นที่ใกล้เคียง และบารมีของ Sashihara Rino ก็ทำให้ชื่อ HKT48 ขยายไปด้วย
Sashihara Rino กับ Miyawaki Sakura จากซิงเกิ้ล Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) |
เวลานี้ การที่ Sashihara Rino ต้องวางตัวเป็นกลาง เพราะด้วยการเป็นที่ยอมรับในการเลือกตั้งด้วยบารมีที่สูงและภาระหน้าที่มากมาย รวมทั้งต้องทำหน้าที่เป็นผู้มอบช่อดอกไม้ให้กับผู้ชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้อีกด้วย วุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ของเธอทำให้เธอต้องมีท่าทีที่เป็นกลาง และไม่ออกความเห็นไปในทางชี้นำให้เลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
ในส่วนของผู้สนับสนุน Sashihara Rino จะมีอยู่สองส่วนหลัก คือส่วนที่สนับสนุน HKT48 โดยตรงและส่วนที่สนับสนุน AKB48 ซึ่งส่วนที่ Miyawaki Sakura สามารถดึงความนิยมได้ คือส่วนที่สนับสนุน HKT48 โดยตรง ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งนั้น ต้องแย่งกับเมมเบอร์คนอื่น ๆ เพราะเมมเบอร์ที่เด่น ๆ ใน AKB48 ก็เริ่มปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเมมเบอร์ในตำนานจะจบการศึกษาออกไปหมดแล้วก็ตาม
คะแนนจากฐานเสียงเดิมของ Sashihara Rino น่าจะเพียงพอต่อการขึ้นอันดับ แต่จะไปถึงจุดสูงสุดหรือไม่ ไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ อยู่ในบ้าน SKE48 ที่พร้อมสู้ในแผนอุดแบบรถบัสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ประการที่สาม จึงเกิดขึ้นเพื่อดึงอีกสองปัจจัยดังกล่าวข้างต้นให้เข้มแข็งและชัดขึ้น
ประการที่สาม เกมจิตวิทยา - "ไม่มีการต่อสู้ครั้งใดที่จะชนะได้ หากแพ้ในสงครามจิตวิทยา" เป็นแบบแผนการรบที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่อดีตกาล และได้รับการพิสูจน์ว่าจริงนับครั้งไม่ถ้วน และ Miyawaki Sakura พร้อมที่จะ all-in (ทุ่มหมดหน้าตัก) เพื่อแสดงจุดยืนและพลังถึงความกระหายในผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้
ในการเลือกตั้งครั้งที่ 8 Miyawaki Sakura ได้กล่าวหลังจากที่ได้อันดับที่ 6 ทั้งน้ำตาว่า "ปีหน้าเรามาแน่!" (「来年こそは1位を目指してもいいですか?」แปลตรงตัวว่า "ปีหน้าฉันขอที่ 1 ได้ไหม?") ซึ่งเป็นการบอกความตั้งใจโดยนัยแล้วว่า ปีหน้า (การเลือกตั้งครั้งที่ 9) Miyawaki Sakura จะก้าวข้ามรุ่นพี่อย่าง Sashihara Rino ให้ได้ แม้ว่าในปีที่แล้วจะล้มเหลวในการเอาชนะตามที่ได้กล่าวไว้ แต่ก็ชัดเจนว่า Miyawaki Sakura พร้อมใช้วิธีทางจิตวิทยาเพื่อแสดงจุดยืนในการเป็นที่ 1 ของการเลือกตั้งให้ได้
เป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ไม่มี Sashihara Rino จึงไม่ใช่การลงเพื่อก้าวข้ามรุ่นพี่อีกต่อไป แต่คือการทำให้ "ปีหน้าเรามาแน่!" เป็นจริงสักที ดังนั้น ด้วยความตั้งใจที่มาเพื่ออยากเป็นไอดอลที่สมบูรณ์ โดยการก้าวข้าม Sashihara Rino และปกป้อง HKT48 จึงตัดสินใจที่จะ "ทุบหม้อข้าว" ของตนเอง โดยประกาศใน HKT Mail ว่า "ปีนี้จะขอเลือกตั้งเป็นปีสุดท้าย" ซึ่งเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของ Miyawaki Sakura ในการบรรลุความฝันในการเลือกตั้ง
ประการที่สี่ Produce48 - โปรเจคร่วมระหว่าง AKS ที่เป็นเจ้าของ 48Group และ Mnet ที่เป็นเจ้าของ Produce101 ทำให้เกิดการจัดรายการในรูปแบบ Produce101 ในระบบ 48Group กลายเป็น Produce48 ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากทั้งในฝั่งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซนเตอร์รอบแรกจากฝั่งญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า Miyawaki Sakura
สิ่งที่ทำให้ Miyawaki Sakura เป็นเบอร์หนึ่งในการเลือกตั้ง คือการที่ Miyawaki Sakura อยู่ในตำแหน่งเซนเตอร์ของรายการนี้ ซึ่ง Matsui Jurina ก็ไปเข้าร่วมในรายการนี้เช่นกัน และการเลือกตั้งครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก รายการ Produce48 ออกอากาศในเทปแรก เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น ดังนั้น การพลิกล็อคในตำแหน่งเซนเตอร์ของรายการ อาจเกิดขึ้นได้ยากมากภายใน 1 เทปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้บรรณาธิการเชื่อว่า Miyawaki Sakura ไม่น่าจะเอาชนะ Matsui Jurina ด้วยสาเหตุสามประการหลัก ดังนี้
ประการที่หนึ่ง เหตุผลทางสถิติ - นับตั้งแต่ Miyawaki Sakura ลงสมัครเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งที่ 4 เป็นต้นมา อันดับผลการเลือกตั้งของ Miyawaki Sakura ไม่มีครั้งใดที่ดีกว่า Matsui Jurina ดังนั้น จากแนวโน้มในการเลือกตั้งทั้ง 6 ครั้ง บรรณาธิการของคู่มือการเลือกตั้งเชื่อว่าเมื่อซ้ำ 6 ครั้ง มีผลสรุปอย่างชัดเจนถึงอันดับที่ไม่เคยอยู่ดีกว่าแม้แต่ครั้งเดียว ผลทางสถิติคาดคะเนได้ถึงแนวโน้มที่สอดคล้องกันในครั้งที่ 7
ประการที่สอง เหตุผลทางด้านประชากร - แม้จำนวนประชากรโดยรวมในแต่ละเมือง ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อจำนวนผู้สนับสนุนวงในแต่ละท้องที่ แต่สิ่งที่ส่งผลคือกำลังซื้อแผ่นซีดี เมื่อเทียบจากจำนวนประชากรในเมืองใหญ่ เมือง Nagoya (ฐานของ SKE48) มีประชากรมากกว่า Fukuoka (ฐานของ HKT48)
นอกจากนี้ อ้่างอิงตาม Oricon.jp จำนวนยอดขายซิงเกิ้ลล่าสุดของ SKE48 นั่นคือ Muishiki no Iro (無意識の色) มีจำนวน 379,498 แผ่น ในขณะที่ซิงเกิ้ลล่าสุดของ HKT48 ซึ่งก็คือ Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) มียอดขายเพียง 165,176 แผ่น
แนวโน้มนี้ แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้อที่มีในแต่ละกลุ่ม และเมื่อเทียบกันโดยตรงแล้ว SKE48 มีความได้เปรียบในประเด็นของจำนวนผู้ที่สามารถโหวตลงคะแนนได้ (หากไม่พิจารณาถึงจำนวนผู้ใช้บริการเมลล์ที่สามารถลงคะแนนเสียงได้เช่นกัน)
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้บรรณาธิการเชื่อว่า Miyawaki Sakura ไม่น่าจะเอาชนะ Matsui Jurina ด้วยสาเหตุสามประการหลัก ดังนี้
ประการที่หนึ่ง เหตุผลทางสถิติ - นับตั้งแต่ Miyawaki Sakura ลงสมัครเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งที่ 4 เป็นต้นมา อันดับผลการเลือกตั้งของ Miyawaki Sakura ไม่มีครั้งใดที่ดีกว่า Matsui Jurina ดังนั้น จากแนวโน้มในการเลือกตั้งทั้ง 6 ครั้ง บรรณาธิการของคู่มือการเลือกตั้งเชื่อว่าเมื่อซ้ำ 6 ครั้ง มีผลสรุปอย่างชัดเจนถึงอันดับที่ไม่เคยอยู่ดีกว่าแม้แต่ครั้งเดียว ผลทางสถิติคาดคะเนได้ถึงแนวโน้มที่สอดคล้องกันในครั้งที่ 7
ประการที่สอง เหตุผลทางด้านประชากร - แม้จำนวนประชากรโดยรวมในแต่ละเมือง ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อจำนวนผู้สนับสนุนวงในแต่ละท้องที่ แต่สิ่งที่ส่งผลคือกำลังซื้อแผ่นซีดี เมื่อเทียบจากจำนวนประชากรในเมืองใหญ่ เมือง Nagoya (ฐานของ SKE48) มีประชากรมากกว่า Fukuoka (ฐานของ HKT48)
นอกจากนี้ อ้่างอิงตาม Oricon.jp จำนวนยอดขายซิงเกิ้ลล่าสุดของ SKE48 นั่นคือ Muishiki no Iro (無意識の色) มีจำนวน 379,498 แผ่น ในขณะที่ซิงเกิ้ลล่าสุดของ HKT48 ซึ่งก็คือ Hayaokuri Calendar (早送りカレンダー) มียอดขายเพียง 165,176 แผ่น
แนวโน้มนี้ แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้อที่มีในแต่ละกลุ่ม และเมื่อเทียบกันโดยตรงแล้ว SKE48 มีความได้เปรียบในประเด็นของจำนวนผู้ที่สามารถโหวตลงคะแนนได้ (หากไม่พิจารณาถึงจำนวนผู้ใช้บริการเมลล์ที่สามารถลงคะแนนเสียงได้เช่นกัน)
ประการที่สาม เหตุผลทางการตลาด - สิ่งที่ทำให้ SKE48 มีแต้มต่อในการต่อสู้ครั้งนี้ คือช่วงเวลาขายแผ่นซีดีซิงเกิ้ลล่าสุดของ SKE48 ที่ห่างจากช่วงขายซิงเกิ้ล Teacher Teacher ของ AKB48 มากกว่าช่วงเวลาขายแผ่นซีดีของ HKT48
แต่ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนมองว่า ส่งผลต่อการเป็นอันดับหนึ่งในเชิงบวกของ Miyawaki Sakura คือ ตัวเต็งในการเลือกตั้ง
หากในการเลือกตั้ง แฟนคลับ SKE48 ตั้งใจทุ่มคะแนนให้ Matsui Jurina ทั้งหมด เพื่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับกลุ่มผู้สนับสนุน HKT48 ที่สนับสนุน Miyawaki Sakura ผลการคาดคะเนการเลือกตั้ง จะออกมาในแนวโน้มที่ผู้ชนะคือ Matsui Jurina
แต่ปัญหาที่ทำให้ Miyawaki Sakura ยังมีโอกาสชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ คือ ตัวเต็งจาก SKE48 ที่มีถึง 2 คน ได้แก่ Matsui Jurina และ Suda Akari (須田亜香里) ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อ Miyawaki Sakura ในการทำให้กลุ่มแฟนคลับ SKE48 เกิดการแยกลงคะแนน หรือตัดคะแนนกันเองจนทำให้ Miyawaki Sakura เอาชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้
ดังนั้น จึงยังไม่สามารถตอบได้อย่างเต็มปากว่าใครคือผู้ชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการลงคะแนน ทั้งเกียรติ ทั้งจำนวนผู้สนับสนุน และเกมเชิงจิตวิทยาในการดึงผู้สนับสนุนอีกด้วย
อันดับการเลือกตั้งเซมบัตสึในครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 4 - อันดับที่ 47
ครั้งที่ 5 - อันดับที่ 26
ครั้งที่ 6 - อันดับที่ 11
ครั้งที่ 7 - อันดับที่ 7
ครั้งที่ 8 - อันดับที่ 6
ครั้งที่ 9 - อันดับที่ 4
โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง: 38/100
โอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งคามิ 7: 100/100
โอกาสที่จะติดเซมบัตสึ: 100/100
Ogino Yuka (荻野由佳)
จากเด็กพาร์ทไทม์แห่ง AKB48 หรือ Baito AKB (バイトAKB) ซึ่งถูกเลือกโดยวงตั้งใหม่ในเวลานั้นอย่าง NGT48 ก่อนที่จะสร้างความพินาศให้กับสำนักพยากรณ์และวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งทั้งหมดทั้งสิ้นในครั้งที่แล้ว โดยการเข้ามาเป็นลำดับที่ 5 อย่างปาฏิหาริย์
Ogino Yuka |
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ไม่มีใครเดาได้เลยว่า พลังชาวนาจากเมือง Niigata จะพร้อมใจกันเทคะแนนให้กับ Ogino Yuka ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
นับเป็นความสั่นคลอนของสำนักพยากรณ์และวิเคราะห์ผลการเลือกตั้ง ที่ต้องดีดลูกคิดใหม่ตั้งแต่ติดลบหนึ่ง เพื่อนำ Ogino Yuka มาวิเคราะห์ด้วย และในครั้งนี้ เหล่าบรรณาธิการก็ไม่ลืมใส่ชื่อ Ogino Yuka ลงไปด้วย
อะไรที่ทำให้ Ogino Yuka สามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้ ผู้เขียนคาดว่ามีสองปัจจัยที่สำคัญดังนี้
ประการที่หนึ่ง มือที่มองไม่เห็นที่ตอนนี้มองเห็นแล้ว - ไม่มีใครไปคิดไปฝันว่าเมมเบอร์จาก NGT48 จะก้าวสู่การเป็นคามิ 7 ในการเลือกตั้งครั้งที่ 9 ได้โดยที่ไม่ใช่ Kitahara Rie (北原里英) และแถมเป็นผู้ที่ได้อันดับที่ 95 จากการเลือกตั้งครั้งที่ 8 อย่าง Ogino Yuka
ไม่มีใครให้เหตุผลได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าทำไมจู่ ๆ Ogino Yuka ก็เป็นคามิ 7 และก้าวข้ามรุ่นพี่สี่แผ่นดินอย่าง Kitahara Rie ไปอย่างไม่มีใครคาดหมาย
ยอดขายที่ลดลงถึงกึ่งหนึ่งของยอดที่มีทั้งหมด สามารถคาดคะเนได้ว่า เหล่าแฟนคลับ NGT48 กำลังเตรียมตัวลุยศึกเลือกตั้งใหญ่อย่างจริงจัง เนื่องด้วยจำนวนคะแนนเสียงที่สามารถแปลงได้นับแสนคะแนน สามารถทำให้เมมเบอร์กลายเป็นคามิ 7 ได้เลย ดั่งเช่นที่เคยทำมาแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ความนิยมของ Ogino Yuka ก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจน NGT48 เป็นที่น่าเกรงขามใน 48Group และในเวลานี้ ความสำเร็จของ Ogino Yuka ก็ขึ้นกับแรงสนับสนุนของกลุ่ม NGT48 เอง ซึ่งในเวลานี้แฟนคลับที่เคยโอชิ Kitahara Rie อาจหันมาสนับสนุน Ogino Yuka ที่กำลังร้อนแรงในเวลานี้ หากกลุ่มแฟนคลับ NGT48 มีความคล้ายกับ SKE48 ที่ เน้นสนับสนุนโดยรวมมากกว่า ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็น Ogino Yuka นั่งเก้าอี้อันทรงเกียรตินี้ก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้ Ogino Yuka อาจไม่สามารถขึ้นถึงหมายเลข 1 ของการเลือกตั้ง และบรรณาธิการเชื่อว่าได้ที่สามในการเลือกตั้ง ผู้เขียนวิเคราะห์ว่ามีดังนี้
ประการที่หนึ่ง การตัดคะแนนเสียงกันเองภายในวง - ยิ่งมีเมมเบอร์ภายในวงที่ติดอันดับสูง ๆ ลงสมัครรับเลือกตั้งมากเท่าไร คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งก็ยิ่งถูกหารจากจำนวนเมมเบอร์มากขึ้นเท่านั้น
สำหรับกรณีของ Ogino Yuka ก็คล้ายกับกรณีของ Matsui Jurina คือ มีเมมเบอร์ที่ถูกคาดหวังในการติดอันดับเป็นเซมบัตสึมาจากวงเดียวกัน และสำหรับ NGT48 มีเมมเบอร์อีก 2 คนที่บรรณาธิการเชื่อว่าจะติดอันดับมาด้วย นั่นคือ Homma Hinata (本間日陽) และ Nakai Rika (中井りか) ดังนั้น โอกาสที่คะแนนเสียงของ Ogino Yuka ยิ่งถูกแชร์กับคนอื่นมากตามไปด้วย
ประการที่สอง บารมีที่ยังสะสมไม่มากและนานพอ - Ogino Yuka พึ่งเป็นที่รู้จักจากการมาเป็นสมาชิกวง NGT48 ซึ่งมีคะแนนเสียงอย่างเหนียวแน่นใน Niigata ที่ช่วยให้เธอขึ้นสู่อันดับที่ 5 อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ส่งผลต่อการได้คะแนนในปริมาณที่สูงพอต่อการได้อันดับที่ 1 คือบารมีที่สะสมความยิ่งใหญ่และเรื่องราวที่ไม่ยาวนานเทียบเท่ากับเมมเบอร์ที่อยู่มาอย่างยาวนานและผ่านการควบงานกับ AKB48 อย่างเป็นเรื่องเป็นราวอย่าง Matsui Jurina และ Miyakawa Sakura
Ogino Yuka ไต่เต้าอันดับขึ้นสู่คามิ 7 โดยใช้เวลาเพียง 2 ปีจากการเลือกตั้งทั้งหมด 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งการที่คะแนนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต เป็นข้อสงสัยจากแรงสนับสนุนซึ่งเป็นการเทคะแนนเสียงจำนวนมาก มากกว่าการใช้ฐานเสียงที่มั่นคงใน NGT48
แต่ก็เป็นความท้าทายของ Ogino Yuka ที่จะวัดถึงความมั่นคงของบารมีในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า การเป็นอันดับที่ 5 ในการเลือกตั้งรั้งที่แล้ว เกิดจากการเทคะแนนเสียงที่มากมายของแฟนคลับ หรือมาจากฐานเสียงของ NGT48 ที่แท้จริงกันแน่
อันดับการเลือกตั้งเซมบัตสึในครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 8 - อันดับที่ 95
ครั้งที่ 9 - อันดับที่ 5
โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง: 35/100
โอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งคามิ 7: 99/100
โอกาสที่จะติดเซมบัตสึ: 100/100
Okada Nana (岡田奈々)
เมมเบอร์ AKB48 รุ่นที่ 14 ผู้มีคาแร็กเตอร์ของความจริงจัง (Majime) เป็นอัตลักษณ์ และเป็นเซ็นเตอร์ของซิงเกิ้ล AKB48 ที่ 51 "Jabaja (ジャーバージャ) " โดยบรรณาธิการคาดหวังว่าจะเป็นเมมเบอร์ของ AKB48 ที่สามารถจบอันดับได้ดีที่สุดของวงOkada Nana |
ปัจจัยแรก คามิโอชิ Watanabe Mayu - Watanabe Mayu (渡辺麻友) คือไอดอลผู้ได้รับสมญานาว่าเป็นคามิ 7 ในยุคทอง และเป็นคามิ 7 คนสุดท้ายในยุคทองที่ประกาศจบการศึกษา
Watanabe Mayu คือผู้ที่ครองความเป็นไอดอลอย่างสมบูรณ์แบบและเป็นเมมเบอร์ที่สามารถครองอันดับจากการเลือกตั้งโดยไม่หลุดจาก 5 อันดับแรกแม้แต่ครั้งเดียว และได้อันดับที่ 1 จากการเลือกตั้งครั้งที่ 6 (แต่หลังจากนั้น ก็ถูก Sashihara Rino ครองอันดับที่ 1 มาโดยตลอดจนประกาศไม่ลงสมัครเลือกตั้งในปีนี้) ในการเลือกตั้งครั้งที่ 9 Watanabe Mayu ก็ได้อันดับ 2
Okada Nana ติดตามและศรัทธา Watanabe Mayu ผู้เป็นคามิโอชิมาตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ AKB48 และเมื่อ Watanabe Mayu จบการศึกษาไปแล้ว คะแนนเสียงอันมากมายของ Watanabe Mayu ก็กระจายกันสนับสนุนเมมเบอร์ของ AKB48 ซึ่งในเวลานี้ Okada Nana สามารถดึงความนิยมของตนเองโดยใช้ความพยายามในการสืบทอดความยิ่งใหญ่และฟื้นฟูศรัทธาคามิ 7 แห่ง AKB48 ด้วยเลือดแท้ ๆ ของ AKB48 ต่อจาก Watanabe Mayu เพื่อทำให้อันดับ 1 กลับสู่ AKB48 อีกครั้ง
ปัจจัยที่สอง เซนเตอร์เพลง Jabaja - หลังจากที่ Watanabe Mayu จบการศึกษาออกไปด้วยซิงเกิ้ลที่ 50 ดูเหมือนว่าอนาคตของ AKB48 ก็ไม่แน่นอนหลังจากนั้น แต่แล้ว สถิติยอดขายเกินหนึ่งล้านแผ่นก็ยังคงอยู่รอดกับซิงเกิ้ล Jabaja ซึ่งยอดขายยังคงทรงตัวได้ และการเคลื่อนไหวของ Okada Nana ถือว่ามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และค่อย ๆ ครองความนิยมในฐานะเมมเบอร์ดังรุ่นใหม่ของ AKB48 เนื่องจากมีพื้นที่โฆษณาตามร้านค้าและในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการที่มากกว่าและนานกว่า
ปัจจัยที่สาม AKB48 Mail - การขึ้นสู่อันดับที่สูงขึ้น นอกเหนือจากการซื้อแผ่นซีดีและโหวตให้กับคนที่ชอบ การสมัครและติดตามเมมเบอร์ด้วย AKB48 Mail ก็มีสิทธิ์ในการโหวตเลือกตั้งด้วย ซึ่งจากโฆษณา Okada Nana คือเมมเบอร์ที่มีผู้ติดตาม AKB48 Mail มากที่สุดในปี ค.ศ. 2017 และหากยังคงสถิติดังกล่าวในปี ค.ศ. 2018 ก็มีความเป็นไปได้ว่า Okada Nana สามารถขึ้นสู่อันดับ 1 ได้เช่นกัน
ปกแผ่นซีดีซิงเกิ้ล Jabaja ฉบับเธียเตอร์ |
ปัจจัยที่สี่ กัปตันวง STU48 - ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ที่จริงจังของ Okada Nana จึงทำให้ได้รับโอกาสให้ไปเป็นกัปตันของ STU48 เพื่อวางรากฐานวงที่มีเธียเตอร์เป็นเรือสำราญที่แล่นผ่าน 7 จังหวัดในภูมิภาค Setouchi โดยการควบตำแหน่งร่วมกับการเป็นเมมเบอร์ AKB48 ทำให้ Okada Nana มีฐานเสียงมากขึ้นในภูมิภาค Setouchi และสนับสนุนเมมเบอร์หน้าใหม่จาก STU48 ให้เข้าร่วมกับ AKB48 โดยเฉพาะการเป็นส่วนหนึ่งของซิงเกิ้ล Jabaja
ในทางปฏิบัติ Okada Nana เป็นกัปตันเชิงสัญลักษณ์มากกว่าการไปประจำถาวรเพื่อพัฒนาวงแบบเต็มที่ เนื่องจาก STU48 มีหน้าที่ในการโปรโมตการท่องเที่ยวภายในท้องถิ่น Setouchi เป็นจำนวนมาก โดยเอเย่นต์และเจ้าของของ STU48 คือ STU (องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว Setouchi) ดังนั้น ผลประโยชน์ของ STU48 จึงเน้นการสร้างไอดอลเพื่อการท่องเที่ยวท้องถิ่นมากกว่าการทำธุรกิจไอดอลร้องเพลงธรรมดา ดังนั้น จึงเห็นไอดอลวงนี้พูดถึงออกรายการในสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเป็นประจำ และยังคงตำแหน่งเคงคิวเซย์มาจนถึงปัจจุบัน
ประการแรก การก้าวขึ้นมาของวงน้องสาว - สิ่งที่ทำให้ AKB48 ยิ่งใหญ่และเป็นไอดอลระดับชาติได้ เพราะว่าความพยายามของเมมเบอร์ในรุ่นแรก ๆ ที่ช่วยกันสร้างและทำลายคำครหาต่าง ๆ มากมายจนประสบความสำเร็จได้ แต่เมมเบอร์รุ่นใหม่ที่เข้ามา ต่างก็เข้ามาในยุคที่วงมีความดังพอสมควร จึงทำให้บทบาทของเมมเบอร์ กลายเป็นการรักษาความดังมากกว่า และการมาของวงน้องสาว ทำให้ AKB48 ชะล่าใจจนทำให้วงน้องค่อย ๆ มีบทบาทเหนือ AKB48
สิ่งที่ทำให้ความภาคภูมิใจของ AKB48 หายไป คือการแพ้การเลือกตั้ง 3 ปีซ้อนจาก Sashhara Rino ซึ่งไปประจำที่ HKT48 และเมมเบอร์ที่น่าจะสู้ได้เสมอตัวอย่าง Watanabe Mayu ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ดังนั้นไฟที่มุ่งหวังว่า AKB48 จะเป็นที่ 1 นั้น ค่อย ๆ หายไป และมองวงน้องสาวค่อย ๆ เป็นเบอร์หนึ่งแทน
การฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของ AKB48 ที่เป็นวงระดับชาติมากกว่าการเป็นวงท้องถิ่น โดยไม่อาศัยวงน้องสาวนั้น เป็นไปไม่ได้ และความยิ่งใหญ่อย่างที่เป็นอยู่ของ AKB48 นั้น มาจากพลังของวงน้องสาวเป็นส่วนใหญ่
ในเวลานี้ AKB48 ก็ยังต้องพึ่งพลังจากทีม 8 ซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละภูมิภาคในญี่ปุ่นและได้รับการสนับสนุนที่ดีกว่า ในระยะต่อไปของการควบทีม จากการใช้วงน้องสาวเข้ามาช่วย ซึ่งทำให้เมมเบอร์หลักใน AKB48 เสียพลังบางส่วนไป กลายเป็นการใช้ทีม 8 ซึ่งเป็น AKB48 ที่ใกล้ชิดมากกว่า สิ่งนี้ทำให้ทีม 8 มีโอกาสที่จะเข้าสู่ความยิ่งใหญ่มากขึ้น และเป็นความพยายามในการลดการพึ่งพาอิทธิพลของวงน้องสาวลง เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของเสาหลักด้วยตนเองอีกครั้ง
ประการที่สอง ไม่มีฐานเสียงที่เฉพาะเจาะจง - เนื่องจากวงน้องสาวมีฐานเสียงตามภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้เมมเบอร์มีคะแนนเสียงที่มากมายจากพื้นที่ที่สังกัดอยู่ ในขณะที่ AKB48 ซึ่งเป็นไอดอลระดับชาติ ต้องพึ่งแรงสนับสนุนทั้งประเทศ และยิ่่งมีวงน้องสาวตามภูมิภาคมากเท่าไร ยิ่งทำให้วงพี่มีฐานเสียงนอกโตเกียวน้อยลง นอกจากนี้วงน้องสาวยังค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทในฐานเสียงหนึ่งเดียวในเมืองหลวงอีกด้วย ก็ยิ่งทำให้แรงสนับสนุนที่มีต่อเมมเบอร์ AKB48 โดยตรง ยิ่งน้อยลงเข้าไปอีก
อันดับการเลือกตั้งเซมบัตสึในครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 5 - ไม่ติดอันดับ
ครั้งที่ 6 - อันดับที่ 51
ครั้งที่ 7 - อันดับที่ 29
ครั้งที่ 8 - อันดับที่ 14
ครั้งที่ 9 - อันดับที่ 9
โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง: 25/100
โอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งคามิ 7: 90/100
โอกาสที่จะติดเซมบัตสึ: 100/100
Suda Akari (須田 亜香里)
Suda Akari เป็นเมมเบอร์ SKE48 ทีม E ผู้ปรารถนาว่าจะเอาชนะ Matsui Jurina เมมเบอร์รุ่นบุกเบิกรุ่นพี่ของ SKE48
Suda Akari |
ปัจจัยแรก เมมเบอร์ผู้โชกโชนแห่ง SKE48 - สิ่งที่ Suda Akari มีแต่ Matsui Jurina ไม่มี นอกเหนือจากตัวอ่อนแล้ว ก็คือประสบการณ์การเป็นเมมเบอร์ทุกทีมใน SKE48 ซึ่งต่างจาก Matsui Jurina ที่อยู่ทีม S มาโดยตลอด ดังนั้น เมื่อเคยอยู่ในทุกทีม ก็ย่อมรู้จักสภาพของแต่ละทีมได้ดีกว่าใคร และสามารถดึงผู้สนับสนุนที่เน้นการสนับสนุนเฉพาะทีมได้มากกว่า
ปัจจัยที่สอง มีจิตวิทยาที่สูง - สิ่งที่ได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของ Suda Akari คือ การเรียนจิตวิทยา ซึ่งช่วยให้เธอเข้าถึงผู้สนับสนุนง่าย และสร้างพลังในการผลักดันตนเองให้ถึงจุดสูงสุดของการเป็นไอดอลใน 48Group แม้ว่าอายุ 26 ปีแล้วก็ตาม (ส่งผลต่ออายุการเป็นไอดอล) ดังนั้นเมื่ออายุที่มากกว่า จึงได้เปรียบในการเป็นพี่สาวที่ดีของวง และมีชั้นเชิงในการหาแรงสนับสนุนที่มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งที่ต้องก้าวข้ามหากต้องการเป็นอันดับ 1 นั่นคือ
ประการแรกและประการที่สำคัญที่สุด Matsui Jurina - ศึกนอกไม่น่ากลัวเท่าศึกใน เมมเบอร์ต่างวงก็ไม่น่ากลัวเหมือนเมมเบอร์ในวงเดียวกัน การที่จะก้าวข้าม Matsui Jurina ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ Matsui Jurina ครองพื้นที่ไม่ว่าเป็นโฆษณาสินค้าหรือเพจของ SKE48 ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีผลต่อการสนับสนุนและอิทธิพลต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ถ้าหวังจะแย่งพื้นที่จากตรงนี้ คงทำได้ยากมาก ดังนั้นจึงต้องหาช่องทางอื่นที่ Matsui Jurina ไม่ค่อยทีพื้นที่ เพื่อให้เธอมีช่องทางในการให้ผู้คนรู้จักและสนับสนุนมากขึ้น
ประการที่สอง ศักดิ์ศรีที่มีชื่อเหย้า Nagoya เป็นเดิมพัน - เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่มีสถานที่ประกาศผลเป็น Nagoya Dome ถ้า SKE48 ไม่ชนะการเลือกตั้ง ก็หมายถึงการพ่ายแพ้คาบ้านดี ๆ นั่นเอง อีกทั้งแฟนคลับ SKE48 อาจเลือกที่จะสนับสนุน Matsui Jurina เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ Suda Akari ต้องเสียคะแนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อันดับการเลือกตั้งเซมบัตสึในครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 2 - ไม่ติดอันดับ
ครั้งที่ 3 - อันดับที่ 36
ครั้งที่ 4 - อันดับที่ 29
ครั้งที่ 5 - อันดับที่ 16
ครั้งที่ 6 - อันดับที่ 10
ครั้งที่ 7 - อันดับที่ 18
ครั้งที่ 8 - อันดับที่ 7
ครั้งที่ 9 - อันดับที่ 6
โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง: 20/100
โอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งคามิ 7: 85/100
โอกาสที่จะติดเซมบัตสึ: 100/100
Yokoyama Yui (横山由依)
ผู้จัดการทั่วไปของ 48Group คนปัจจุบัน ผู้ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมดของ AKB48 เพื่อให้วงไอดอลแห่งชาติอยู่รอดต่อไป และในทางปฏิบัติ Yokoyama Yui ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเมมเบอร์ทั้งหมดของ AKB48 ไม่ว่าจะควบคุมและผลักดันสมาชิกรุ่นใหม่ให้มีบทบาทใน AKB48 ทำให้ภาระหน้าที่และความกดดันของ Yokoyama Yui สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การประกาศของ Yokoyama Yui ในการเลือกตั้งไม่ใช่เพื่อต้องการเป็นที่ 1 ดั่งที่เมมเบอร์หลายคนต้องการ แต่เป็นตัวชี้วัดถึงประวิทธิภาพของการทำงานของเธอที่มีความกดดันสูงยิ่งในฐานะผู้จัดการทั่วไป และดูเหมือนว่า Yokoyama Yui เป็นคนที่เข้าใจในธรรมชาติมาก ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง เธอตัดสินใจที่จะไม่เรียกร้องขอคะแนนโดยตรง หรือแม้แต่วางเป้าหมายใด ๆ เพียงแต่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ และคาดหวังว่าจะยังคงอยู่ในอันดับที่เหมาะสมในการเลือกตั้ง โดยไม่รู้เลยว่ายุคของเธอจะอยู่อีกนานเพียงใด
Yokoyama Yui |
Yokoyama Yui ไม่ได้ต้องการเป้าหมายเป็นอันดับ 1 แต่หวังว่าจะอยู่ในอันดับที่สูง ๆ อย่างเหมาะสมกับการเป็นผู้จัดการทั่วไปมากกว่า และสิ่งที่ทำให้เธอขึ้นมาได้ถึงจุดนี้ คือความพยายามในฐานะผู้จัดการและผู้ให้คำปรึกษากับเมมเบอร์รุ่นน้อง
บรรณาธิการมองว่าอันดับของ Yokoyama Yui เพิ่มขึ้นมา 1 อันดับจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเป็นอันดับที่ 6 โดยผู้เขียนมองว่ามีสองปัจจัยดังนี้
ปัจจัยที่หนึ่ง ผู้จัดการทั่วไป - ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่โฆษณาที่มากมาย เพราะการเป็นหัวหน้าวงไอดอลวงนี้ ต้องได้รับความเชื่อใจและเป็นสัญลักษณ์ที่ดีพอ และความเสียสละของเธอที่จะตอบรับการเป็นผู้จัดการทั่วไปให้กับวง ย่อมต้องได้รับการตอบแทน และนั่นคือแรงสนับสนุนจากแฟนคลับไม่ว่าจะโอชิเธอโดยตรงหรือแฟนคลับของวงโดยรวมก็ตาม
ปัจจัยที่สอง ความกว้างขวางในแวดวง - การเป็นหัวหน้าวง คือการเป็นตัวแทนของวงที่จะต้องตอบรับเสียงวิพากวิจารณ์และปกป้องชื่อเสียงของวง และยิ่งในช่วงที่กระแสของ AKB48 กำลังทรงตัว เธอต้องยิ่งทำงานหนักและต้องออกสื่อเพื่อทำความรู้จักกับคนในแวดวงเดียวกัน เพื่อให้เมมเบอร์และวงได้มีโอกาสออกสู่สาธารณชนมากขึ้น
อันดับการเลือกตั้งเซมบัตสึในครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 2 - ไม่ติดอันดับ
ครั้งที่ 3 - อันดับที่ 19
ครั้งที่ 4 - อันดับที่ 15
ครั้งที่ 5 - อันดับที่ 13
ครั้งที่ 6 - อันดับที่ 13
ครั้งที่ 7 - อันดับที่ 10
ครั้งที่ 8 - อันดับที่ 11
ครั้งที่ 9 - อันดับที่ 7
โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง: 12/100
โอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งคามิ 7: 80/100
โอกาสที่จะติดเซมบัตสึ: 100/100
Mukaichi Mion (向井地美音)
เมมเบอร์ที่ถูกวางให้เป็นหัวหอกของ AKB48 รุ่นถัดไป และเคยเป็นเซนเตอร์ซิงเกิ้ลที่ 44 อย่าง Tsubasa wa Iranai (翼はいらない) ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งที่ 8 แต่ในเวลานั้น เธอทำได้เพียงอันดับที่ 13 เนื่องจากเมมเบอร์หลักของ AKB48 ยังอยู่ในการเลือกตั้งเวลานั้นMukaichi Mion |
แต่ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า Mukaichi Mion เหมาะสมที่จะเป็นที่นิยมของแฟนคลับในความเป็นไอดอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นผู้สืบทอดเซนเตอร์ของเพลง Heavy Rotation (ヘビーローテーション) ที่ Oshima Yuko (大島優子) เคยเป็นเซนเตอร์ (และเป็นซิงเกิ้ลชนะการเลือกตั้ง)
เป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งนี้ของเธอคือ การเป็นคามิ 7 ซึ่งบรรณาธิการให้ความเห็นว่าความฝันของเธอน่าจะเป็นจริง เพราะสองปัจจัยดังนี้
ปัจจัยแรก การวางตัวของ Mukaichi Mion ที่เหมาะกับการเป็นไอดอล - หากพูดถึงความเป็นไอดอลในอุดมคติ ก็มีเพียง Watanabe Mayu เท่านั้นที่ใกล้เคียงกับอุดมคติมากที่สุด ซึ่ง Mukaichi Mion มีความเป็นไอดอลในการวางตัว เพราะ Mukaichi Mion เคยเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความเป็นไอดอลญี่ปุ่นที่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
ปัจจัยที่สอง ความฉลาดใน AKB48 - ผู้เขียนโอชิ Mukaichi Mion เป็นคนแรก เพราะนอกจากหน้าตาที่เหมาะกับการเป็นไอดอลอยู่แล้ว ยังมีความฉลาดและรัก AKB48 อีกด้วย ความฉลาดของ Mukaichi Mion ทำให้ผู้เขียนเลือกที่จะมาทำบล็อก 48ศึกษา เพื่อศึกษา AKB48 และวงน้องสาวในเครือ
จากการทดสอบ AKB48 Test พบว่า Mukaichi Mion สอบได้อันดับที่ 1 ซึ่งมีคะแนน 135/200 คะแนน ห่างจากอันดับที่ 2 อย่างขาดลอย ซึ่งความฉลาดตรงนี้ สร้างคะแนนนิยมให้กับแฟนคลับ AKB48 ที่ไม่ได้โอชิใครโดยเฉพาะ และนั่นคือสิ่งที่เพิ่มฐานเสียงให้กับ Mukaichi Mion ได้เป็นอย่างดี
อันที่จริง การที่จะโด่งดังและเป็นที่จดจำ มีอยู่สองอย่าง คือดีที่สุดกับแย่ที่สุดเท่านั้น แน่นอนว่าคนฉลาดอย่าง Mukaichi Mion ก็ถูกจดจำในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ในทางตรงข้าม ความโง่เขลาก็ย่อมทำให้ถูกจดจำได้ แต่อาจจะมีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเป็นของแถมมาด้วย ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือ Kawaei Rina (川栄 李奈) ซึ่งโด่งดังจากอันดับสุดท้ายจากเมมเบอร์ AKB48 ทั้งหมด 15 คนของผลทดสอบในการสอบปลายภาคประจำเทอมของรายการ Mecha-Mecha Iketeru! (めちゃ²イケてるッ!) ทำให้ได้เป็นเซนเตอร์ของยูนิตพิเศษ BKA48
ในกรณีของ Mukaichi Mion ก็เช่นเดียวกัน ผลการสอบทำให้ได้รับผลตอบแทนเป็นเซนเตอร์ของเพลง Kimi wa Boku no Kaze (君は僕の風) ซึ่งอยู่ในซิงเกิ้ลรองของซิงเกิ้ลที่ 52 "Teacher Teacher"
อันดับการเลือกตั้งเซมบัตสึในครั้งที่ผ่านมา
ครั้งที่ 6 - ไม่ติดอันดับ
ครั้งที่ 7 - อันดับที่ 44
ครั้งที่ 8 - อันดับที่ 13
ครั้งที่ 9 - อันดับที่ 17
โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง: 10/100
โอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งคามิ 7: 65/100
โอกาสที่จะติดเซมบัตสึ: 100/100
บทสรุป
จากความเห็นของบรรณาธิการในคู่มือการเลือกตั้ง ผู้เขียนได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้บรรณาธิการคาดคะแนนว่าเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่เชื่อในสิ่งที่บรรณาธิการคาดเดาอันดับดังกล่าวทั้งหมด เพราะยังมีผู้สมัครอีกกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะแทรกตำแหน่งคามิ 7 ได้เช่นกัน ไม่ว่าเนื่องด้วยความนิยมที่มากกว่าหรือฐานเสียงที่เข้มแข็งกว่าก็ตาม
และความเห็นนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ของผู้เขียนต่อการคาดเดาอันดับในคู่มือการเลือกตั้งของบรรณาธิการ ซึ่งไม่ควรนำไปใช้อ้างอิง ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม ขอให้ใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์และตัดสินใจ เพราะวิเคราะห์อันดับการคาดเดาอันดับจากบรรณาธิการก็มาจากเหตุผลในหลายประการ และการโต้แย้งอันดับของบรรณาธิการย่อมอยู่พื้นฐานของเหตุผลมากกว่าความรู้สึก
ดังนั้น ในตอนต่อไป จะขอกล่าวถึง อันดับ 8-16 ซึ่งอยู่นอกคามิ 7 และมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่น่าจะนำเมมเบอร์ทั้งหลายเข้าสู่การเป็นเซมบัตสึ หรือการเป็นคามิ 7 ที่อยู่เหนือการคาดเดาของบรรณาธิการ
Comments
Post a Comment